วันนี้ (18 พฤศจิกายน) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบปะประชาชนไทยที่อาศัยในสหรัฐอเมริกา โดยเปิดโอกาสให้ตัวแทนชุมชนสอบถามในประเด็นต่างๆ
เศรษฐากล่าวตอนหนึ่งว่า ยินดีที่ได้มาพบกับพี่น้องชาวไทยทุกคน เราต้องช่วยกันเสริมสร้างความแข็งแกร่ง สร้างขีดความสามารถของประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ตนเดินทางเข้าสู่ชีวิตการเมือง
ตั้งแต่รับหน้าที่มาประมาณ 2 เดือน ได้เดินทางไปในหลายๆ ประเทศ ถือเป็นภารกิจของแต่ละรัฐบาล แต่รัฐบาลนี้มีภารกิจหลักที่ต้องทำคือประกาศให้ทั่วโลกรู้ว่าไทยเปิดแล้วและพร้อมแล้วที่จะให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศ
เศรษฐากล่าวต่อว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาได้เดินทางไปที่ต่างๆ ส่วนหนึ่งมาจากรัฐบาลที่ผ่านมาที่ได้ปูทางไว้แล้ว ตนเองและรัฐบาลนี้ได้มาสานต่อ โดยมีทีมงานที่แข็งแกร่งหลายภาคส่วน กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ซึ่งมีความปรารถนาดีกับประเทศมาช่วยกันทำงาน ทำให้นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น เช่น Amazon, Google และ Facebook รวมถึงบริษัทนักลงทุนจากประเทศจีน เช่น บริษัทรถไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าภายใน 2-3 เดือนจะมีการลงทุนอย่างแน่นอน
“การเดินเข้าสู่เวทีการเมือง สิ่งที่ต้องการทำคือต้องการยกระดับความเป็นอยู่ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ไม่อยากให้พี่น้องประชาชนคนไทยติดอยู่กับกับดักรายได้ปานกลาง ต้องการยกระดับขีดความสามารถของประเทศให้สูงขึ้น ซึ่งไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ แต่ไม่ได้ดึงศักยภาพที่มีของทั้งประเทศมาใช้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษา การพัฒนาบุคลากร และระบบภูมิศาสตร์ ซึ่งเราตั้งอยู่ในภูมิรัฐศาสตร์ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยในสถานการณ์ความขัดแย้ง รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนคือมีความเป็นกลาง ต้องการยืนอยู่ในความขัดแย้งอย่างมีเกียรติและมีศักดิ์ศรี ยึดมั่นกับความสงบ ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่บนความขัดแย้งย่อมมีโอกาสที่ไทยจะได้รับประโยชน์” เศรษฐากล่าว
เศรษฐากล่าวว่า ตนเคยเรียนที่สหรัฐฯ 6 ปี พยายามหางานทำที่นี่ แต่มีปัญหาเรื่องการขออนุญาต หรือ Work Permit และวีซ่า อีกทั้งผลการเรียนอยู่ในระดับปานกลาง ไม่ได้เรียนเก่งมากจนมีบริษัทต้องการตัว จึงกลับไปทำงานบริษัทต่างชาติในไทย
ส่วนตัวมีความไม่สบายใจและถูกล้อเลียนจากฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลาว่าเป็นนายกฯ ที่จะสร้างอนาคตให้ลูกหลานคนไทย แต่ลูกชาย 2 คนของตัวเองไม่ยอมกลับเมืองไทย ยังทำงานอยู่เมืองนอก ซึ่งก็พยายามที่จะหัวเราะให้กับมุกตลกตรงนี้ให้ได้ แต่ความจริงไม่ใช่เรื่องขมขื่นอะไร ก็ดีใจที่ลูกทั้งสองคนมีความสุขที่อยู่ในต่างประเทศ ใช้ชีวิตและมีอิสรภาพได้ แม้ในฐานะผู้ปกครองจะอยากให้เขากลับไปใช้ชีวิตที่เมืองไทย
แต่เราต้องยอมรับโดยตรงว่าไทยไม่มีข้อเสนอที่ดีกว่า แม้แต่หลายคนในที่นี้ รัฐบาลก็อยากให้กลับมาทำงาน เพื่อสนับสนุนประเทศ และนี่ก็คือเหตุผลที่เข้ามาทำงานการเมือง เพราะอยากทำให้ประเทศดีขึ้น
จากนั้นเศรษฐาได้เปิดโอกาสให้ตัวแทนชุมชนไทยสอบถามในหลายประเด็น หนึ่งในนั้นมีนักศึกษาไทยตั้งคำถามว่า ทำอย่างไรจะประสบความสำเร็จแบบนายกฯ ซึ่งเศรษฐากล่าวว่า สิ่งที่ต้องทำ 2 อย่างคือต้องทำงานหนักและมีวินัย พร้อมยกตัวอย่างลูกทั้ง 3 คน ซึ่งเรียนจบในมหาวิทยาลัยชื่อดังของโลก
“ตนเองไม่ได้สั่ง แค่มองตาก็รู้ใจ ขอให้ลูกทำงานก่อน 3 ปี โดยใช้คำว่าให้เป็นขี้ข้าก่อน ทำงานให้รู้ระบบก่อนจะเป็นเจ้านายคน หรือแม้แต่ตัวเองเมื่อเรียนจบปริญญาโทจากต่างประเทศก็ต้องกลับมาทำงานตอกบัตรเข้างานเหมือนกับคนทั่วไป ดังนั้นอยากให้ทุกคนตระหนักว่าการจะประสบความสำเร็จได้ ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเหมือนมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ไม่ใช่ฝันเพียงอย่างเดียวแล้วจะประสบความสำเร็จ หากจะให้ตนเองแนะนำ ก็ขอแนะนำว่าสิ่งที่จะทำให้ฝันเป็นจริงก็คือตื่น ต้องตื่นขึ้นมาทำ” เศรษฐากล่าว