วันนี้ (25 ตุลาคม) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ในครั้งต่อไปว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบ ต้องถาม จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ส่วนการกำหนดไทม์ไลน์นั้น ทีมงานได้คุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อหาวิธีการปรับแต่งเติมตามที่ทุกภาคส่วนเสนอแนะเข้ามา จะต้องรอเจอก่อน
ส่วนการปรับเงื่อนไขคนรวยนั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า ตนรับฟังอยู่แล้วว่าต้องมีการปรับตรงนี้ โดยกำลังหาคำจำกัดความที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ว่าคนรวยคืออะไร พร้อมน้อมรับคำแนะนำจากผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยว่าควรที่จะเจาะจงมากขึ้น ที่ว่าบางภาคส่วนที่ไม่เดือดร้อนอาจไม่ต้องรับ ขณะเดียวกันแอปพลิเคชันเป๋าตังเดิมหรือแอปพลิเคชันอื่นยังพอใช้ได้
เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังยืนยันว่าให้กู้เงินมาใช้ในโครงการอยู่หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ก็ตามที่บอกไป
เมื่อถามถึงข้อเสนอที่ขอให้รัฐบาลทบทวนการจ่ายเงินเป็น 3 งวดแทนงวดเดียว จะนำมาพิจารณาหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า พิจารณาแล้วก็คงคิดว่าไม่เอา คงจ่ายรวดเดียว เพราะอยากให้กระตุ้นเศรษฐกิจทีเดียว และเม็ดเงินมันใหญ่ จะได้ทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน
ส่วนที่มีดราม่าประเด็นพรรคร่วมรัฐบาลไม่ออกตัวในโครงการดังกล่าวในที่ประชุม มีความเห็นอย่างไร นายกรัฐมนตรีระบุว่า ก็ไม่มีใครมีปัญหา พร้อมยืนยันว่าหนุน
เมื่อถามถึงกรณีที่ ศิริกัญญา ตันสกุล สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตถึงทางตันแล้ว เพราะอาจจะขัดต่อกฎหมาย นายกรัฐมนตรีฟังคำถามแต่ไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด แต่ยืนยันว่าไม่มีความกังวลในประเด็นดังกล่าว ส่วนที่หลายฝ่ายเดินหน้าร้องเรียนโครงการดังกล่าวกับองค์กรอิสระก็ต้องชี้แจง เพราะองค์กรอิสระก็มีหน้าที่ของเขา ตนก็มีหน้าที่ชี้แจง
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีจะทำอย่างไรเพื่อให้ประชาชนและมุมดีๆ ของโครงการดังกล่าวดังกว่าเสียงท้วงติง นายกรัฐมนตรีระบุว่า มันไม่เกี่ยวว่าดังหรือค่อยกว่า แต่อยู่ที่ว่าความจริงคืออะไร ความจริงคือ 10 ปีที่ผ่านมา GDP ของประเทศไทยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.8% หนี้ครัวเรือนขึ้นจาก 76% เป็น 90% ซึ่งสูงสุดติดท็อป 10 ของโลก เพราะฉะนั้นประเทศไทยจึงต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ต้องเดินสายชี้แจงและรับฟังข้อท้วงติง และเมื่อมีคนไปร้องตนก็ต้องชี้แจง
เมื่อถามย้ำว่า นายกรัฐมนตรีมีแผนสองในการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ นายกรัฐมนตรีตอบทันทีว่า ผมไม่ได้มีแผนสอง ผมมีเป็นสิบแผนตามที่เคยกล่าวไปแล้ว เช่น การยกระดับเศรษฐกิจไทย การบริหารจัดการน้ำ และหลายๆ แผน
ส่วนกระแสข่าวว่าอาจจะเลื่อนการแจกเงินจากวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ออกไปนั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า กำลังดูอยู่ ส่วนจะทันไตรมาสแรกของปี 2567 หรือไม่นั้น พยายามทำให้เร็วที่สุด สำหรับเม็ดเงินดังกล่าวขอให้มีการประชุมก่อน เพราะคำถามดังกล่าวมีเข้ามาเยอะเหลือเกิน หากพูดไปก็จะเกิดความสับสน
เมื่อถามถึงกรณีที่เรียกรัฐมนตรีสัดส่วนพรรคเพื่อไทยไปประชุมบนตึกไทยคู่ฟ้า และมีการกำชับให้ทำงานโครงการปฏิบัติการเร่งรัด (Quick Win) ส่งการบ้านภายใน 2 สัปดาห์นั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่เน้นไปในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วย และมีการเน้นกับ ครม. พรรคเพื่อไทยอีกครั้ง เพราะเราต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และอย่างที่บอก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเรามีเยอะ หลายนโยบาย แต่ละกระทรวงก็สามารถส่งผลงานกันได้
เมื่อถามว่า รัฐมนตรีแต่ละคนพยายามที่จะเดินหน้าแต่ละงานแล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีระบุว่า เป็นเรื่องภายในขอเก็บไว้ก่อน แต่หวังว่าเขาจะเดินหน้าเต็มที่ หากไม่เดินหน้าเต็มที่ก็คงเป็นหน้าที่ตนในการบริหารจัดการให้เขาเดินหน้าอย่างเต็มที่
