วันนี้ (3 ตุลาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีการเรียก พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าพบนั้นมีวาระอะไรพิเศษหรือไม่ว่า การทำงานจากนี้ต่อไป หัวหน้างานต่างๆ การพบปะกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หรือหัวหน้างานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงินการคลังหรือฝ่ายความมั่นคง ตนจะทำในลักษณะนี้ โดยไม่จำเป็นต้องไปประชุมใหญ่ หรือมีองคาพยพใหญ่ แต่เมื่อสักครู่นี้ได้หารือประมาณ 3-6 คน
เศรษฐากล่าวว่า ได้สั่งการและรับฟังข้อคิดเห็นจากเหตุการณ์ปัจจุบัน อาทิ การให้วีซ่าฟรีกับคนจีนว่ามีปัญหาอะไรบ้าง และมีข้อเรียกร้องอย่างไร เพราะบางเรื่องก็อาจจะเกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่น อย่างกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลังในแง่ของการเก็บภาษีต่างๆ ซึ่งเราก็รับฟังและจะหาทางแก้ไขต่อไป พร้อมย้ำว่าเป็นการพบปะกันธรรมดา อาจเป็นมิติใหม่ในการทำงาน แต่ยืนยันว่าไม่มีอะไรที่ผิดปกติ เพราะเป็นสิ่งที่เราและภาคส่วนอื่นๆ ทำกันอยู่แล้ว แต่หากไม่มีการพูดคุย ซึ่งตนมองว่าน่าเป็นห่วงมากกว่า ทางนี้จะเป็นการเตรียมงานรวมถึงกระตุ้นให้ทุกคนรวมถึงตนเองเตรียมตัวให้ดีตลอดเวลา
“ไม่ต้องมีเวลาเตรียมตัว 2-3 วัน บอกเช้าก็สามารถมาตอนบ่ายได้ หรือบอกตอนเช้าก็มาตอนสายได้ ซึ่งผมอยากให้หัวหน้าทุกหน่วยงานมีความกระตือรือร้น และไม่ต้องซีเรียสมาก มาพูดคุยกัน หากไม่รู้ก็ไม่เป็นไร แต่เอาข้อมูลกันมา” เศรษฐากล่าว
เมื่อถามว่าได้เคลียร์ปัญหาความขัดแย้งในวงการตำรวจ ระหว่าง พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล กับ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วหรือไม่ เศรษฐาระบุว่า ตนคิดว่าหลังจากที่มีการแต่งตั้งออกไป ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็มีภาพข่าวออกไปว่าพูดคุยกันในเชิงบวกแล้ว
“คนเราอยู่ด้วยกันก็ต้องมีกระทบกัน เหมือนลิ้นกับฟันเป็นธรรมดา แต่ผมเชื่อว่าความตั้งใจจริงของทั้ง 2 ท่าน และอาจจะมีอีกหลายๆ คู่ที่เป็นคู่กรณีกัน ซึ่งผมก็ไม่ทราบ แต่นโยบายชัดเจนนะครับว่าเรามีภารกิจใหญ่ คือความมั่นคงของประเทศ การดูแลทุกข์สุขของประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญ เรื่องส่วนตัวเป็นอีกเรื่องหนึ่งแต่ต้องทำงานให้ได้ ต้องไม่มีข่าวเชิงลบ ต้องบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพี่น้องได้ตลอดเวลา” เศรษฐากล่าว
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีพร้อมที่จะห้ามศึกเลยใช่หรือไม่ เศรษฐาระบุว่า ตนคิดว่าเราไม่ต้องห้าม เราควรพูดคุยกันแบบผู้หลักผู้ใหญ่ ซึ่งการทะเลาะเบาะแว้งกันมันไม่จำเป็นหรอกครับ
“คนเราผิดใจกันได้และกลับมาสมานใจกันได้ใหม่ สังคมอยู่ด้วยกันมาจากหลายๆ ที่หลายๆ ทางมันก็เห็นตรงกันไม่ทั้งหมด แต่สำคัญที่สุดต้องมีการพูดคุยในภาษาที่น่าฟัง โดยไม่ด้อยค่าซึ่งกันและกัน และไม่ดูถูกดูแคลนกัน สังคมแตกแยกกันเยอะแล้ว ฉะนั้นขอให้มีมิติใหม่ในการพูดคุยดีกว่า”
เมื่อถามว่า ภาพลบที่ออกไปทำให้ประชาชนคาดหวังกับการปฏิรูปตำรวจ นายกฯ มองอย่างไร เศรษฐาระบุว่า ตนเชื่อว่าทุกองค์การและทุกสถาบันตระหนักดี และอะไรที่ไม่ดีทุกคนก็จะแก้ไข
เมื่อถามว่าวันนี้นายกฯ ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษกับผู้บัญชาการตำรวจหรือไม่ เศรษฐาระบุว่า เท่าที่จำได้ ตนได้สั่งให้มอนิเตอร์เรื่องวีซ่าฟรี คนจีนที่เข้ามาต้องไม่มีปัญหา และเรื่องการตรวจคนเข้าเมืองต้องอำนวยความสะดวกให้ดี อย่าให้สะดวกเกินไปจนลืมเรื่องของความมั่นคง รวมถึงเรื่องยาเสพติดก็สั่งการให้ดูให้ดี เพราะตอนนี้มีเข้ามาเยอะ ซึ่งจากการลงพื้นที่ประชาชนก็เข้ามาพูดคุยและแสดงความเป็นห่วง และในอีก 2-3 วันนี้จะมีการแต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีที่จะมาดูแลในเรื่องยาเสพติดด้วย ซึ่งเป็นนายตำรวจที่เพิ่งจะเกษียณอายุราชการ