วันนี้ (16 กรกฎาคม) ที่จังหวัดศรีสะเกษ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานงานวันชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ประจำปี 2568 โดยมี เดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ, ยโสธร, อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ผู้บริหารกรมการปกครอง หัวหน้าส่วนราชการ ภาคีเครือข่าย และ ชรบ. จำนวน 4,000 คน เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง
ทั้งนี้ ภูมิธรรมได้เยี่ยมชมนิทรรศการความเป็นมาและการขับเคลื่อนงานของชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) แล้วเดินเข้าสู่ปะรำพิธีไปประจำแท่นเกียรติยศเพื่อรับฟังการกล่าวรายงานยอดกำลังพลจากผู้บังคับแถวชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และชมขบวนเกียรติยศเชิญสัญลักษณ์ประจำหน่วยของชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน รับชมวีดิทัศน์ความเป็นมาและชุดการแสดงของชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน 2 ชุด ได้แก่ 1. การแสดงยุทธวิธีตีกระบอง 7 ท่าประกอบการเคลื่อนที่ จากหน่วยบังคับการ ชรบ.จังหวัดอุบลราชธานี และ 2. การแสดงยุทธวิธีการใช้ไม้ง่ามสยบชายคลุ้มคลั่งในงานบุญประเพณีแห่ยักษ์คุ จากหน่วยบังคับการ ชรบ.จังหวัดอำนาจเจริญ
จากนั้นภูมิธรรมรับฟังการกล่าวรายงาน และอ่านสารวันชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) พร้อมมอบสัญลักษณ์ประจำหน่วยของชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ, ยโสธร, อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ในฐานะผู้บังคับการหน่วยรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และมอบรางวัลหมวดชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านดีเด่น ภาคเหนือ, ภาคกลาง, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ภาคใต้ และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมจำนวน 24 รางวัล หลังจากนั้น ชรบ. ทั้ง 4,000 นายกล่าวคำปฏิญาณตนต่อรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอย่างกึกก้อง
ภูมิธรรมกล่าวสารเนื่องในวันชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านว่า กระทรวงมหาดไทยเล็งเห็นถึงความสำคัญของชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ซึ่งเป็นปีแรกในประวัติศาสตร์ที่ยกย่องสดุดีผู้เสียสละของชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านทุกคน กระทรวงมหาดไทยจึงประกาศให้วันที่ 16 กรกฎาคมของทุกปีเป็นวันชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน
อีกทั้งน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศใช้กฎหมายลักษณะโจรห้าเส้น จุลศักราช 1199 เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2380 ซึ่งมีการกำหนดให้ราษฎรช่วยระงับการปล้นสะดมบนหลักความรับผิดชอบร่วมกันของชุมชน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามมีกำลังไม่เพียงพอที่จะระงับเหตุ จึงถือเป็นจุดกำเนิดของ ชรบ.
ปัจจุบัน ชรบ. มีจำนวนรวมทั่วประเทศมากกว่า 670,000 คน ปฏิบัติหน้าที่ครอบคลุมทั่วประเทศ อันสะท้อนบทบาทสำคัญในการดูแลด้านความปลอดภัย และความมั่นคงให้กับประชาชนทั่วประเทศ โดยเป็นกำลังหลักที่สำคัญในพื้นที่ ทั้งการอยู่เวรยาม การตรวจลาดตระเวน การสืบหาข่าว การป้องกันบรรเทาสาธารณภัย การป้องกันปราบปรามการกระทำผิดทางอาญา รวมไปถึงการช่วยเหลือเจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่
ภูมิธรรมยังกล่าวอีกว่า กระทรวงมหาดไทยพร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานเต็มที่ พัฒนาศักยภาพเพิ่มพูนความรู้ และจัดหาสิ่งสนับสนุน เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือเจ้าพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เปิดงาน ชรบ. มีนัยการเมืองหรือไม่ ไปถามอนุทิน
ภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษในวันนี้มีนัยทางการเมืองหรือไม่ว่า ขอให้ไปถาม อนุทิน ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะทั้งหมดอนุทินเป็นคนจัด ตนเพียงมาเปิดงานเท่านั้น และตอนแรกจะเปลี่ยนจังหวัด แต่ไม่สามารถเปลี่ยนได้เนื่องจากมีการเบิกจ่ายงบประมาณไปบ้างแล้ว ตนจึงบอกว่าไม่เป็นไร เพราะมาทำงานตามหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ และไม่กลัวว่าจะเป็นเกมการเมืองอะไร
ส่วนการเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 5 จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่เดิมของพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ช่วยหาเสียงหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ในฐานะที่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ตนก็คงจะลงพื้นที่แต่ต้องหาโอกาส ต้องจัดการให้ถูกต้องตามกฎหมาย และดูเวลาที่เหมาะ หากอยู่ในเวลาราชการก็จะลา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แสดงว่ามีแผนที่จะลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงในช่วงวันหยุดอยู่แล้วใช่หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ได้มีแผน แต่ต้องดูงานของกระทรวง เพราะตอนนี้งานของกระทรวงยังเป็นงานที่จำเป็น ซึ่งวันนี้ที่ลงพื้นที่เพราะเป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหายาเสพติด
เมื่อผู้สื่อข่าวย้ำว่า 1 เสียงมีความสำคัญกับรัฐบาล เนื่องจากเป็นรัฐบาลเสียงจะต้องปริ่มน้ำ จึงต้องรักษาฐานที่มั่นให้ได้ใช่หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ทุกเสียงมีความสำคัญกับทุกพรรคการเมือง ส่วน ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะลงไปช่วยผู้สมัครหาเสียงหรือไม่ ก็ขอให้ไปถามนายทักษิณเอง
ส่วนในอนาคตจะมีโอกาสกลับมาจับมือกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ทักษิณเคยระบุเอาไว้ว่าการเมืองขณะนี้อาจต้องมีการกลืนเลือดหลายปี๊บ ภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นทัศนของทักษิณ ตนไม่ขอก้าวล่วง แต่การเมืองต้องดูสถานการณ์ ณ ขณะนั้น ถ้าเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งยวดของประเทศชาติ พรรคเพื่อไทยก็จำเป็นต้อง กลืนเลือด แต่โดยรวมเราไม่ร่วม
ที่มาพูดทุกวันนี้เป็นการพูดที่เกินเลย อย่างอนุทินก็พูดจะได้เปอร์เซ็นต์อะไร เป็นการพูดที่เกินเลยและโกหก ความจริงเป็นอย่างไรอนุทินรู้อยู่ เชื่อว่าผู้สื่อข่าวกระทรวงมหาดไทยก็พอทราบ ที่ตนจะจัดการหลายเรื่องที่ไม่เหมาะสมซึ่งอาจนำไปสู่ความผิดได้
“ผมจะตรวจสอบอย่างเข้มข้น โดยไม่ได้มีการไม่พอใจอะไร ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ คุณอนุทินหากทำงานอย่างตรงไปตรงมาก็ไม่ต้องกังวลและไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกระโตกกระตาก ให้คนรู้ รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว”
แจงงบกระตุ้นเศรษฐกิจ อปท. 4 หมื่นล้าน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารวมถึงการรื้องบกระตุ้นเศรษฐกิจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อีก 40,000 ล้านกว่าบาทนั้น ภูมิธรรมระบุว่า เป็นสิ่งที่ตนดำเนินการในการแก้ปัญหางบประมาณ ที่ผ่านมาในช่วง 2 ปี มีการจัดงบท้องถิ่นอย่างกระจุกตัว และมีปัญหามาก ตนได้รับการร้องเรียนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและองค์การบริหารส่วนจังหวัด หลายคนมาขอพบและแลกเปลี่ยน ซึ่งบาง อบต. บาง อบจ. ขออะไรไม่เคยได้เลย บางที่ขอมาไม่ได้เลย แต่ในบางพื้นที่แถวบุรีรัมย์ สุรินทร์ ได้เป็น 100 ล้าน บางแห่งได้ถึง 700 ล้านบาท ต้องดูว่าที่ตัดสินใจอย่างนั้น ตัดสินใจบนพื้นฐานอะไร
เมื่อวานนี้ก็มีการพูดคุยในที่ประชุม ครม. โดย ชัยชนะ เดชเดโช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ เดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็น สส. พื้นที่ภาคใต้ว่างบกระจุกไม่กระจายจะทำอย่างไร ซึ่งตนบอกว่าเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ตนจะต่อในเรื่องงบฯ 69 ซึ่งตนถามสำนักงบประมาณก็ยอมรับว่ามีปัญหาจริง แต่ปัญหาเกิดจากอะไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ขณะที่การกลั่นกรองจากสำนักงบประมาณไปบางส่วน ก็มีการพิจารณาตัดตอนเพิ่มหรือลดงบประมาณ เป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการจะดำเนินการ
ส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท มีการส่งเรื่องไปแล้วโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับงบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของกระทรวงมหาดไทยไปที่สำนักงบฯ ว่า อนุทินเซ็นเอกสารไปไม่ตรงกับที่คีย์เข้าไปในระบบ คณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมีการส่งกลับมาให้กระทรวงมหาดไทยมาพิจารณาใหม่ ซึ่งเรื่องอยู่ที่สำนักปลัด ยอมรับว่าตนเป็นห่วงว่าจะไม่ทันปีงบฯ 69 เพราะเหลือเวลาไม่กี่เดือน
ส่วนข้อมูลไม่ตรงอย่างไรก็ให้ไปถามสำนักงบฯ เพราะตนไม่ได้เป็นคนทำ ส่วนจะเกลี่ยงบใหม่หรือไม่ขอให้เป็นเรื่องของกรรมาธิการและสำนักงบฯ แค่ได้รับทราบว่าไม่เหมาะสม ซึ่งความจริงเป็นอย่างไรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ขออย่าเอาเรื่องพวกนี้ไปพูดเกินเลยเพราะจะทำให้เกิดปัญหา ตนไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้เพราะจะหาว่าโจมตีกัน