วันนี้ (30 พฤศจิกายน) สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงนักวิชาการ แนะให้ยกเลิกคำสั่งมอบหมายหน้าที่รองนายกฯ ดูแลน้ำท่วมในแต่ละพื้นที่ภาคใต้ จะเป็นการซ้ำซ้อนกับการตั้งผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เพื่อควบคุมสถานการณ์หรือไม่ว่า คำสั่งที่มอบหมายรองนายกรัฐมนตรี ให้ไปกำกับดูแลในแต่ละ 8 จังหวัดภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ส่วนนี้จะแยกกับการมอบหมายรองนายกรัฐมนตรีแต่ละคนไปดูแลในแต่ละจังหวัด เป็นการดูแลทั้งระบบ ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายปฏิบัติการ ซึ่งฝ่ายนี้จะดูเรื่องของแนวทางการนำนโยบายมาปฏิบัติแต่ละจังหวัด
ส่วนในจังหวัดสงขลา ที่ได้มีการแต่งตั้ง ผบ.ทสส. ซึ่งแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรีภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) สถานการณ์ฉุกเฉิน มีหน้าที่บริหารจัดการสถานการณ์ในภาพรวม จึงไม่มีความซ้ำซ้อนกัน
ส่วนการแต่งตั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาดูแลพื้นที่ในจังหวัดสงขลา สิริพงศ์ ยืนยันว่าไม่ซ้ำซ้อน เพราะ ร.อ.ธรรมนัส กำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ควบคุมดูแลกรมชลประทาน อีกตำแหน่งหนึ่งยังเป็นกรรมการนโยบายการบริหารจัดการน้ำและภัยธรรมชาติ เมื่อมีสถานการณ์ภัยพิบัติเกิดขึ้น สามารถเกณฑ์องค์พยพที่ตรงกับงานมาดูแลสถานการณ์เหล่านี้ได้ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ สิริพงศ์ ยังกล่าวว่า ในส่วนของกรมชลประทานที่ดูแลเรื่องของการบริหารจัดการน้ำ ทั้งการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำ จะเป็นหน้าที่ของ ธรรมนัส โดยตรง
ส่วนที่ไม่ใช้กฎหมายของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วย สามารถใช้อำนาจเต็มได้นั้น สิริพงศ์ กล่าวว่า กฎหมายปภ.กับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แตกต่างกัน โดยยกตัวอย่างจากสถานการณ์อุทกภัย ในจังหวัดสงขลา ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งจังหวัด เพื่อดึงสรรพกำลังจากทุกภาคส่วนทั่วประเทศ สามารถดูแลกำกับช่วยเหลือ ข้ามกระทรวงได้ และนายกฯ มีอำนาจสั่งการโดยตรง เกิดความสะดวกรวดเร็วในการจัดการ
ส่วนระเบียบหลักเกณฑ์ที่ล่าช้า ก็สามารถทำได้ทันที และหลักเกณฑ์ข้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรค นายกฯ สามารถประกาศยกเว้นได้ รวมถึงการชดเชยเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ เพราะถือเป็นกฎหมายพิเศษ


