วันนี้ (6 พ.ย.2568) อธิศ รุจิรวัฒน์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้ให้บริการด้านบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรก บริษัทมียอดปิดบัญชีบัตรเครดิต มากกว่ายอดเปิดบัญชีใหม่ โดยยอดปิดบัญชี บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มลูกค้า เช่นเดียวกับยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ลดลง ทั้งนี้เป็นการหดตัวทั้งอุตสาหกรรม ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการที่ลูกค้าระมัดระวังการใช้จ่าย ลดการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น โดยลูกค้าที่ติดต่อยกเลิกบัตรเครดิต ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า ไม่อยากถือบัตรเครดิตหลายใบ เพราะต้องการลดภาระค่าใช้จ่าย
สำหรับลูกค้าระดับบนที่มีรายได้สูง แม้จะไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัว ของเศรษฐกิจมากนัก แต่ก็ใช้จ่ายผ่านบัตรลดลง เนื่องจากความเชื่อมั่นเศรษฐกิจลดลง โดยได้รับอิทธิพลจากอารมณ์ตลาด และข่าวลบต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เข้ามาซ้ำเติม sentiment ให้แย่ลง
คนใช้บัตรเครดิตน้อยลง มองหา ‘ความคุ้มค่า’ มากกว่าส่วนลด
ด้วยธุรกิจบัตรเครดิตได้รับผลกระทบจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยตรง ทำให้กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด เน้นการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง พร้อมบริหารต้นทุนเพื่อรักษาระดับผลการดำเนินงาน โดยปรับกลยุทธ์การตลาด และวิธีทำโปรโมชัน เน้นเป็นตัวช่วยแบ่งภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น การให้เครดิตเงินคืน เพิ่มคะแนนการใช้จ่าย แทนที่การแข่งขันมอบความคุ้มค่าด้วยส่วนลด
เดิมทีธุรกิจบัตรเครดิต มักแข่งกันมอบสิทธิประโยชน์ วัดความคุ้มค่าด้วยส่วนลด เพื่อกระตุ้น การใช้จ่าย แต่ปัจจุบันกลยุทธ์ดังกล่าว เริ่มไม่ดึงดูดลูกค้า เนื่องจากจุดความคุ้มค่าของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน เช่น การทำโปรโมรชันส่วนลด 20-30% ในอดีตช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายได้ดี แต่ปัจจุบันต้องเสนอมากกว่านั้น เพื่อให้ลูกค้ายอมใช้จ่าย ซึ่งในระยะยาวธุรกิจ จะแบกรับต้นทุนไม่ไหว
ธุรกิจโตดีกว่าอุตสาหกรรม แม้ยอดลูกค้าใหม่หดตัว
สำหรับผลประกอบการ ณ สิ้นสุดไตรมาส 3 ในภาพรวมยังเติบโตดีกว่าตลาด ทั้งในแง่ของจำนวนบัตรและยอดใช้จ่ายผ่านบัตร โดยมียอดบัญชีลูกค้าใหม่ 422,800 บัญชี หดตัว 4.7% ยอดใช้จ่ายผ่านบัตร 286,300 ล้านบาท เติบโต 1% ยอดสินเชื่อใหม่ 68,400 ล้านบาท หดตัว 2.2% และยอดสินเชื่อคงค้าง 134,300 หดตัว 2.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่อัตราส่วนหนี้ที่ค้างชำระเกิน 90 วัน อยู่ที่ระดับ 1.3% สำหรับบัตรเครดิต และ 2.2% สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในธุรกิจจากการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม
ทั้งนี้หมวดใช้จ่ายผ่านบัตรสูงสุดเรียงตามยอดใช้จ่าย ได้แก่ 1. ประกันภัย, 2. ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ, 3.ปั๊มน้ำมัน, 4. ตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ในครัวเรือน และ 5. ช้อปออนไลน์
ส่วนหมวดใช้จ่ายที่มีอัตราเติบโตสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.โซเชียลมีเดียและแอปพลิเคชัน, 2. แอปดิลิเวอรี 3.กองทุนรวม, 4.ตัวแทนท่องเที่ยว และ 5.ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคระมัดระวังมากขึ้นชะลอการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือย เน้นการใช้จ่ายในหมวดที่จำเป็นและการวางแผนระยะยาวมากขึ้น
มั่นใจปิดปี 68 ยอดใช้จ่ายถึงเป้า 4 แสนล้าน
สำหรับผลประกอบการสิ้นปี 2568 ตั้งเป้ามียอดใช้จ่ายผ่านบัตร 400,000 ล้านบาท เติบโต 2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า, ยอดสินเชื่อใหม่ 94,000 ล้านบาท และยอดสินเชื่อคงค้าง 143,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ จากอานิสงส์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวและจับจ่าย ประกอบกับมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส, เที่ยวดีมีคืน ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและกำลังซื้อในระบบ โดยเฉพาะในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคและการท่องเที่ยว ส่งผลเชิงบวกต่อภาพรวมธุรกิจ และอาจต่อยอดส่งผลดีไปถึงช่วงต้นปี 2569 ได้


