ไดอานา สเปนเซอร์ คือพระนามเดิมของเจ้าหญิงไดอานาแห่งอังกฤษ ที่แม้ว่าคุณจะไม่ได้เป็นผู้ที่ติดตามหรือศึกษาเรื่องราวของราชวงศ์อังกฤษมาก่อนก็น่าจะต้องเคยได้ยินชื่อของเจ้าหญิงไดอานาผ่านรายการข่าวหรือสื่อบันเทิงต่างๆ ที่หยิบนำเรื่องราวของเจ้าหญิงไดอานามานำเสนออย่างแน่นอน
ดังนั้นแล้วการที่ผู้กำกับ Pablo Larraín (Jackie) และมือเขียนบท Steven Knight (Dirty Pretty Things) เลือกที่จะนำนามสกุลเดิมของเจ้าหญิงไดอานามาเป็นชื่อของภาพยนตร์อย่าง Spencer ก็น่าจะเป็นการบอกใบ้ให้ผู้ชมได้ทราบว่า หลักใหญ่ใจความของภาพยนตร์เรื่องนี้อาจไม่ใช่เรื่องราวความรักอันบอบช้ำของเจ้าหญิงไดอานาและเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์อย่างที่ใครหลายคนคาดหวัง แต่เป็นการพาเราเข้าไปสำรวจตัวตนแท้จริงของเจ้าหญิงไดอานา ที่ถูกกดทับอยู่ภายใต้เสื้อผ้าหน้าผมอันงดงามและรอยยิ้มที่ไม่ได้สื่อถึงความสุขแต่อย่างใด
Spencer จะพาผู้ชมไปติดตามเรื่องราวของเจ้าหญิงไดอานา (Kristen Stewart) ที่ต้องเดินทางไปร่วมฉลองเทศกาลคริสต์มาสกับสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 (Stella Gonet) และเหล่าเครือญาติของราชวงศ์อังกฤษ ณ พระตำหนักซานดริงแฮม
แต่ดูเหมือนว่าเทศกาลแห่งความสุขครั้งนี้กลับกลายเป็นช่วงเวลาอันหมองหม่นเกินบรรยายของเจ้าหญิงไดอานา ที่ต้องมานั่งร่วมโต๊ะอาหารกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ (Jack Farthing) ที่กำลังแอบคบหากับหญิงอื่นอยู่ อีกทั้งยังต้องจำใจปฏิบัติตามกฎระเบียบของราชวงศ์อย่างเคร่งครัด เพื่อหลบซ่อนจากสายตาของนักข่าวที่กระหายข่าวความสัมพันธ์ที่แตกร้าวของเจ้าหญิงไดอานาและเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์
ความยากอย่างหนึ่งที่ตัวผู้กำกับและทีมสร้างต้องแบกรับในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เห็นจะเป็นการค้นหาแง่มุมและกลวิธีนำเสนอเรื่องราวของเจ้าหญิงไดอานา ที่เรียกได้ว่าถูกบอกเล่ามาแล้วหลายครั้งหลายรูปแบบ จนเรียกได้ว่าผู้ชมส่วนใหญ่แทบจะรับรู้เรื่องราวของเจ้าหญิงไดอานากันแล้วอย่างครบถ้วนทุกซอกทุกมุมก็คงไม่ผิดนัก
Pablo Larraín และ Steven Knight จึงเลือกที่จะตัดขั้นตอนการปูเรื่องราวต่างๆ ของเจ้าหญิงไดอานาที่ทุกคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วออกไปทั้งหมด เพื่อโฟกัสไปที่การพาผู้ชมเข้าไปสำรวจทุกมวลความรู้สึกของเจ้าหญิงไดอานาให้ได้มากที่สุด เราจึงคิดว่าสำหรับผู้ชมคนไหนที่ไม่เคยติดตามเรื่องราวของเจ้าหญิงไดอานามาก่อนอาจจะต้องทำการบ้านก่อนไปชมกันสักหน่อย เพื่อที่จะสามารถทำความเข้าใจเนื้อหาของภาพยนตร์ได้อย่างครบถ้วนยิ่งขึ้น
ด้วยความรวบรัดตัดตอนแบบไม่ต้องมีพิธีรีตองใดๆ Spencer จึงกลายเป็นภาพยนตร์ที่ท่วมท้นไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันหลากหลายของเจ้าหญิงไดอานาที่พร้อมจะถาโถมเข้าใส่ผู้ชมตลอดเวลา ไล่เรียงตั้งแต่ความเจ็บแค้นในตัวของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ที่หักหลังตนเองไปมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น ความอัดอั้นตันใจที่ถูกบังคับให้อยู่ภายใต้กฎระเบียบและประเพณีอันเคร่งครัดของราชวงศ์ ความถวิลหาในอิสรภาพและชีวิตแสนธรรมดาเยี่ยงคนทั่วไป ไปจนถึงความสุขของเจ้าหญิงไดอานาที่ได้ใช้เวลาร่วมกับโอรสอย่างเจ้าชายวิลเลียม (Jack Nielen) และเจ้าชายแฮร์รี (Freddie Spry) ซึ่งการที่ผู้กำกับเลือกใช้ช่วงเทศกาลคริสต์มาสเป็นฉากหลังของเรื่องซึ่งคัดแย้งกับอารมณ์ของตัวละคร ก็ยิ่งขับเน้นให้ผู้ชมได้สัมผัสกับความโดดเดี่ยวที่ตัวละครกำลังเผชิญได้ดีอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น Pablo Larraín ยังเลือกใช้ทุกองค์ประกอบของภาพยนตร์ในการขับเน้นให้มวลอารมณ์เหล่านั้นชัดเจนยิ่งขึ้น ผ่านงานกำกับภาพอันงดงามของ Claire Mathon (Portrait of a Lady on Fire) กับการวางองค์ประกอบภาพที่แฝงนัยบางอย่างเอาไว้ให้ผู้ชมได้ร่วมกันตีความ และดนตรีประกอบจากปลายปากกาของ Jonny Greenwood (The Power of the Dog) ที่เข้ามาแต่งแต้มให้บรรยากาศที่น่าอัดอั้นของภาพยนตร์ชัดเจนยิ่งขึ้น
ซึ่งทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่ได้การแสดงอันยอดเยี่ยมของ Kristen Stewart ที่ถ่ายทอดทุกมวลอารมณ์ความรู้สึกของเจ้าหญิงไดอานาออกมาให้ผู้ชมเข้าใจและมีความรู้สึกร่วมไปกับบทบาทของเธอได้อย่างยอดเยี่ยม เราจึงไม่แปลกใจนักที่เหล่านักวิจารณ์และผู้ชมต่างยกให้เธอเป็นหนึ่งในตัวเต็งผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในปีนี้
และสองนักแสดงสมทบที่เราค่อนข้างชื่นชอบและอยากกล่าวถึงเป็นการส่วนตัวคือ Sally Hawkins ในบทบาทของ แม็กกี้ สาวรับใช้ผู้เปรียบเสมือนพื้นที่ปลอดภัยเพียงแห่งเดียวของเจ้าหญิงไดอานา และ Timothy Spall ในบทบาทของ ผู้พันเกรเกอรี ที่คอยดูแลความเรียบร้อยภายในพระตำหนักซานดริงแฮม แม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้ปรากฏตัวให้เราได้เห็นมากนัก แต่บทบาทของพวกเขาล้วนมีความสำคัญต่อความรู้สึกและการตัดสินใจของตัวละครหลักอย่างเจ้าหญิงไดอานา ซึ่งทั้ง Sally Hawkins และ Timothy Spall ก็ถ่ายทอดบทบาทของแม็กกี้และผู้พันเกรเกอรีออกมาได้อย่างน่าจดจำไม่แพ้กัน
ในภาพรวมแล้ว Spencer อาจจะไม่ได้เป็นภาพยนตร์ที่พาผู้ชมไปทำความรู้จักกับเจ้าหญิงไดอานาตั้งแต่เล็กจนโตเหมือนภาพยนตร์อัตชีวประวัติเรื่องอื่นๆ แต่ด้วยความที่ตัวผู้กำกับและทีมสร้างต่างทราบเป็นอย่างดีว่าพวกเขาอยากจะนำเสนอเรื่องอะไร Spencer จึงกลายเป็นภาพยนตร์ที่จะพาเราดำดิ่งไปกับทุกห้วงอารมณ์ของเจ้าหญิงไดอานาเท่าที่ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งจะทำได้ และ Kristen Stewart ก็สามารถถ่ายทอดบทบาทของตนเองออกมาได้อย่างน่าจดจำจริงๆ
Spencer มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 13 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่
