การเลือกตั้งทั่วไปของสเปนเผชิญความเป็นไปได้ที่อาจไม่มีพรรคการเมืองใดสามารถตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้ หลังพรรคพีเพิล (People’s Party) หรือพรรค PP ซึ่งเป็นพรรคอนุรักษนิยมกลาง-ขวา มีคะแนนนำเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวน ส.ส. 136 ที่นั่ง แต่ยังไม่มากพอจะครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรที่มี 350 ที่นั่ง แม้ว่าจะจับมือกับพรรคว็อกซ์ (Vox Party) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัด ที่ได้ ส.ส. 33 ที่นั่ง ก็ยังไม่ถึงจำนวนที่ต้องการคือ 176 ที่นั่ง
ขณะที่อันดับ 2 คือพรรคเปโซเอ (PSOE) หรือพรรคแรงงานสังคมนิยมสเปน ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลชุดปัจจุบันของนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ (Pedro Sanchez) มีแนวโน้มจะได้ ส.ส. 122 ที่นั่ง ซึ่งแม้จะจับมือกับพันธมิตรพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย Sumar และพรรคเล็กที่เหลือ แต่ก็ยังได้ ส.ส. ไม่เพียงพอสำหรับจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากเช่นกัน
ผลเลือกตั้งที่ไม่มีฝ่ายใดชนะขาด ทำให้คาดว่าทั้งสองขั้วพรรคการเมืองอาจต้องใช้ความพยายามเจรจาข้อตกลงเพื่อแสวงหาเสียงข้างมากอีกหลายสัปดาห์
โดยนักวิเคราะห์การเมืองหลายรายเตือนว่ากระบวนการที่เป็นอยู่อาจจบลงด้วยการได้รัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งท้ายที่สุดอาจต้องมีการ ’จัดเลือกตั้งใหม่’ อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม Teneo บริษัทที่ปรึกษาระดับโลก ชี้ว่าพรรคของซานเชซมีโอกาสสูงกว่าพรรคพีเพิลในการจัดตั้งรัฐบาลผสม โดยมีความเป็นไปได้ 45% ที่พรรคเปโซเอจะสามารถเจรจาข้อตกลงกับขั้วพันธมิตรและพรรคเล็กอื่นๆ ได้ แต่ในขณะเดียวกันความเป็นไปได้ที่จะมีโอกาสจัดเลือกตั้งใหม่ก็อยู่ในระดับเดียวกันคือประมาณ 45%
ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งที่ไม่ได้ผู้ชนะชัดเจนส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนต่อตำแหน่งประธานคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป (Council of the European Union) ของสเปน และมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบต่อตลาดหุ้น
ด้าน อัลแบร์โต นูเญซ เฟย์โฆโอ (Alberto Nunez Feijoo) กล่าวปราศรัยที่สำนักงานใหญ่พรรคพีเพิล ยืนยันว่าพรรคของเขาเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง และจะพยายามหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนด้วยการพูดคุยกับทุกพรรคที่เต็มใจจัดตั้งรัฐบาล
ขณะที่ซานติอาโก อาบัสกัล (Santiago Abascal) ผู้นำพรรคว็อกซ์ ชี้ว่าซานเชซอาจขัดขวางพยายามใดๆ ก็ตามของพรรคฝ่ายขวาในการจัดตั้งรัฐบาล
ภาพ: Alberto Ortega / Europa Press via Getty Images
อ้างอิง: