ท้ายที่สุดแม้บทสรุปของ Zuma ภารกิจแรกของปีภายใต้ความร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะไม่ประสบความสำเร็จตามที่หวังไว้ แต่ SpaceX ยังคงเดินหน้าปฏิบัติภารกิจทางจรวดและขนส่งดาวเทียมเข้าสู่วงโคจรอย่างไม่หยุดหย่อน และเร็วๆ นี้ Falcon Heavy จรวดยักษ์ทรงอานุภาพที่สุดของโลกก็เตรียมจะเป็นภารกิจต่อไป
จากการเปิดเผยของอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอบริษัท SpaceX เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา ระบุว่า SpaceX วางแผนจะนำ Falcon Heavy ออกปฏิบัติการทางอวกาศในวันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ และจะปล่อยออกจากฐานปล่อยจรวด 39A แหลมเคนเนดี (Kennedy) พิกัดเดียวกับที่ยานอวกาศ Apollo ของนาซาเคยถูกปล่อยออกไปยังดวงจันทร์
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 24 มกราคม SpaceX ประสบความสำเร็จในการทดสอบยิง Falcon Heavy แบบอยู่กับที่มาแล้ว นั่นจึงทำให้พวกเขามั่นใจว่าจรวดยักษ์ลำนี้พร้อมแล้วกับการทดลองออกปฏิบัติการจริง
Falcon Heavy เป็นจรวดขนาดมหึมาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดของโลก ณ เวลานี้ มีขนาดความสูง 70 เมตร กว้าง 12.2 เมตร ใช้บูสเตอร์ 2 ส่วน และใช้แรงขับปล่อยจรวดมากกว่า 5 ล้านปอนด์ หรือเทียบเท่ากับกำลังเต็มสูบของเครื่องบิน Boeing 747 จำนวน 18 ลำ เดิมทีถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานขนส่งมนุษย์เดินทางสู่อวกาศและนำส่วนต่างๆ ของจรวดกลับมาใช้อีกครั้ง ราคาต่อลำจึงอยู่ที่ประมาณ 90 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2.8 พันล้านบาทเท่านั้น สามารถลำเลียงสัมภาระถึงวงโคจรที่ต่ำที่สุดจากโลก (LEO) ได้มากกว่า 63,800 กิโลกรัม
เมื่อเปลี่ยนปลายทางไปยังดวงจันทร์ เจ้า Heavy ก็ยังสามารถลำเลียงสัมภาระขนาดกว่า 16,800 กิโลกรัมได้สบายๆ ซึ่งก่อนหน้านี้มีเพียงจรวด Saturn V ที่เคยปฏิบัติภารกิจไปดวงจันทร์เมื่อปี 1973 เท่านั้นที่สามารถบรรทุกสัมภาระได้มากกว่ามัน (ปลดระวางไปแล้วในยุค 1970s) และจากการเปิดเผยของสำนักข่าว CNN ณ ปัจจุบันพบว่า SpaceX เริ่มได้รับการติดต่อจากบริษัทดาวเทียม Arabsat, Inmarsat, Viasat, กองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา (U.S. Air Force) และบริษัทธุรกิจเดินทางท่องอวกาศเชิงพาณิชย์ที่ไม่ประสงค์ออกนามเพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการร่วมงานกันแล้ว
อ้างอิง:
