วันนี้ (5 ธันวาคม) ภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พร้อมด้วย สหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และทีมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยส่วนหน้า ร่วมประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (ส่วนหน้า) ซึ่งจัดตั้งขึ้นที่จังหวัดนราธิวาส
ภาสกรเปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีน ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ด้วยความห่วงใยจากรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย โดย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงให้ ปภ. จัดตั้งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (ส่วนหน้า) ขึ้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติในพื้นที่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ปภ. ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน – 5 ธันวาคม เกิดสถานการณ์อุทกภัย น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างใน 10 จังหวัดภาคใต้ (ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, พัทลุง, ตรัง, สตูล, สงขลา, ปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส)
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 5 จังหวัด (นครศรีธรรมราช, พัทลุง, สงขลา, ปัตตานี และนราธิวาส) รวม 22 อำเภอ 161 ตำบล 1,034 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 122,482 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 29 ราย
สำหรับนราธิวาสเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครอบคลุมทั้ง 13 อำเภอ โดยเฉพาะอำเภอที่มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำสายหลัก คือ แม่น้ำโก-ลก แม่น้ำบางนรา และแม่น้ำสายบุรี ขณะนี้ทางจังหวัดประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ทั้ง 13 อำเภอ รวม 77 ตำบล
ภาสกรกล่าวต่อว่า ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือ ปภ. ส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต จำนวน 4 ศูนย์เขต ได้แก่ เขต 3 ปราจีนบุรี, เขต 12 สงขลา, เขต 16 ชัยนาท และเขต 18 ภูเก็ต ซึ่งสามารถช่วยเหลือพื้นที่ให้สามารถบริหารจัดการปัญหาน้ำท่วมได้ดียิ่งขึ้น
ปัจจุบันแม้ว่าสถานการณ์ในหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลายแล้ว แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนตกในพื้นที่ภาคใต้เป็นระยะ ทั้งในห้วงสัปดาห์นี้จนถึงวันที่ 11 ธันวาคม โดยนราธิวาส มีพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัยทั้ง 13 อำเภอ ได้แก่ เมืองนราธิวาส, ศรีสาคร, เจาะไอร้อง, แว้ง, บาเจาะ, ยี่งอ, ระแงะ, รือเสาะ, จะแนะ, สุคิริน, สุไหงโก-ลก, สุไหงปาดี และตากใบ
ภาสกรกล่าวว่า จากการบินตามเส้นทางพบว่าสถานการณ์น้ำท่วมที่นราธิวาสเริ่มคลี่คลายลงบ้างแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตรบางจุด อย่างไรก็ตาม ในช่วงสัปดาห์ถัดไปจากการจำลองโมเดลด้านพยากรณ์อากาศคาดว่าจะมีหย่อมความกดอากาศต่ำผ่านเข้ามา ทำให้ภาคใต้ตอนล่างได้รับผลกระทบจากปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้น
ปัจจุบันสาธารณภัยมีแนวโน้มเกิดขึ้นบ่อยครั้งและรุนแรง แม้ว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงภัยธรรมชาติได้ แต่จุดมุ่งหมายของ ปภ. คือไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบจากสาธารณภัยที่รุนแรง ต้องการลดความรุนแรงจากการเกิดสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความปลอดภัย และลดความเสียหายให้ได้มากที่สุด ดังนั้นหัวใจหลักของ ปภ. คือการแจ้งเตือนภัยที่รวดเร็ว แม่นยำ และทั่วถึง
ซึ่งในช่วงที่เกิดสถานการณ์ที่ผ่านมา ปภ. แจ้งเตือนภัยล่วงหน้าผ่าน SMS ในพื้นที่ภาคใต้ ส่งในชื่อ DDPM เพื่อแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมรับสถานการณ์ ขนย้ายสิ่งของ และอพยพออกจากพื้นที่ รวมถึงจังหวัดก็ได้แจ้งเตือนผ่านกลไกของจังหวัดทุกรูปแบบ และวันนี้ทีม ปภ. จากส่วนกลางตั้งส่วนหน้าที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อประสานการทำงานร่วมกันกับจังหวัดภาคใต้ในการเตรียมพร้อมรับมือและการเผชิญเหตุสถานการณ์อุทกภัย รวมถึงเร่งขั้นตอนเยียวยาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย