กำลังเป็นข่าวใหญ่ประจำสัปดาห์ในสังคมเกาหลีใต้และอาเซียน สำหรับคดีสะเทือนขวัญอย่างเหตุฆาตกรรมนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ ที่เชื่อมโยงกับปม ‘สแกมเมอร์’ ในกัมพูชา หลังวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมามีรายงานว่า พบร่างผู้เสียชีวิตชายนามสกุลพัค (Park) วัย 22 ปี ที่เขาโบกอร์ จังหวัดกำปง โดยคาดว่า เสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้น เนื่องจากถูกทรมานอย่างรุนแรง
เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่ความตึงเครียดทางการทูตเกาหลีใต้-กัมพูชา โดยล่าสุด อี แจมยอง (Lee Jae-myung) ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้เรียกร้องให้ทางการกัมพูชาส่งตัวชาวเกาหลีที่ถูกจับตัวไป พร้อมทุ่มงบประมาณและประกาศยกระดับความปลอดภัย ด้วยการจัดตั้งหน่วยงานพิเศษ หรือ ‘โต๊ะเจ้าหน้าที่เกาหลี’ (Korean Desk) ซึ่งหมายถึงการมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำการในต่างประเทศ เพื่อจัดการปัญหาอาชญากรรมโดยตรง
“ประชาชนต่างกังวลถึงบุตรหลานและเพื่อนๆ ที่ตกเป็นเหยื่อของการลักพาตัวในกัมพูชา การปกป้องชีวิตพลเมืองและสร้างความปลอดภัย คือความรับผิดชอบสูงสุดของรัฐบาลเกาหลีใต้” ประธานาธิบดีอีแจมยองกล่าว
THE STANDARD สรุปสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงมุมมองรัฐบาล ความคิดเห็นของสื่อมวลชน และสาธารณชนเกาหลีใต้ ต่อคดีสแกมเมอร์ลักพาตัวเรียกค่าไถ่ในครั้งนี้
ประมวลเหตุการณ์ เกิดอะไรขึ้นกับคดีสะเทือนขวัญสแกมเมอร์ในกัมพูชา?
- ในวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา สื่อต่างประเทศหลายแห่งต่างรายงานถึงคดีอาชญากรรมสะเทือนขวัญที่เชื่อมโยงกับสแกมเมอร์ หลังมีรายงานว่า พบร่าง พัคมินโฮ (Park Min-ho) ชายเกาหลีวัย 22 ปี เสียชีวิตที่เขาโบกอร์ จังหวัดกำปง ประเทศกัมพูชา
- เบื้องต้นมีการสรุปเบื้องต้นว่า พัคเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้น เพราะถูกทรมานและมีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจลงความเห็นว่า เขาถูกหลอกให้มาทำงานที่กัมพูชา โดยถูกบังคับและกักขังหน่วงเหนี่ยวก่อนถูกพบเสียชีวิต
- ตามคำให้การจากรายงานหน้าสื่อ พัคออกจากบ้านของเขาที่จังหวัดคยองซังเหนือ โดยแจ้งกับทางครอบครัวว่า กำลังจะเดินทางไปงาน EXPO ที่กัมพูชาในวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา
- แต่ 1 สัปดาห์หลังจากนั้น ครอบครัวของพัคได้รับโทรศัพท์จากผู้ชายที่พูดเกาหลีสำเนียงจีนว่า เขาได้ก่อเรื่องวุ่นวายในกัมพูชา และถูกควบคุมตัวแล้ว ถ้าต้องการให้ปล่อยตัวพัค ครอบครัวต้องส่งเงินมา 50 ล้านวอน (ประมาณ 1.1 ล้านบาท) พร้อมทั้งยังส่งข้อความข่มขู่หลายครั้ง
- ครอบครัวจึงตัดสินใจหาทางออกด้วยการติดต่อสถานทูตเกาหลีในกัมพูชา แต่ทางการกัมพูชาไม่สามารถระบุได้ว่า พัคอยู่ที่ไหน ซึ่งระหว่างนั้นครอบครัวของพัคกับกลุ่มผู้ลักพาตัวไม่ได้พูดคุยกันเป็นระยะเวลา 4 วันเต็ม
- อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 8 สิงหาคม มีการแจ้งว่า พบร่างของพัคที่เสียชีวิต แต่ไม่ได้มีการส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับให้ครอบครัวแต่อย่างใด เพราะอยู่ในระหว่างการชันสูตรและประกอบพิธีกรรม ซึ่ง South China Morning Post ระบุว่า กัมพูชาจะส่งกลับภายในปลายเดือนตุลาคมนี้
- ทั้งนี้ ครอบครัวแสดงความเสียใจผ่านสื่อที่ยังไม่ได้ร่างพัคกลับมา พร้อมระบุว่า การที่ร่างของลูกชายถูกแช่แข็งอยู่ที่ไหนสักแห่งในกัมพูชา เปรียบเหมือนการฆาตกรรมพัคซ้ำสอง
- นอกจากนี้ สื่อเกาหลียังรายงานถึงกรณีการหายตัวของ ยัง (Yang) ชายวัย 30 ปีจากจังหวัดแทกู หลังบอกกับครอบครัวว่า จะไปหาเงินที่ประเทศกัมพูชา เพื่อจ่ายหนี้เงินกู้
- The Korea Times รายงานว่า ยังติดต่อครอบครัวเป็นครั้งสุดท้ายในวันที่ 11 ตุลาคม เวลา 8.30 น. ด้วยประโยคที่ว่า ทุกอย่างเป็นไปอย่างช้าๆ เขากำลังทำงานกับคนจีน และจะติดต่อในภายหลัง
- ขณะที่ครอบครัวของยังติดต่อไปที่สถานทูตเกาหลีในกัมพูชา แต่ทางการตอบกลับมาว่า หากลูกชายของเขาอยู่ในสถานการณ์ไม่ปลอดภัยจริง ก็ต้องแจ้งสถานการณ์ทุกอย่างกับสถานทูตด้วยตนเอง
- อย่างไรก็ดี คดีนี้อยู่ในความสนใจของชาวเกาหลีใต้ โดยมีการเปิดเผยข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศ ถึงตัวเลขชาวเกาหลีที่สูญหายในกัมพูชาช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 330 คน จาก 17 คนในปี 2023 และ 220 คนในปี 2024
รัฐบาลเกาหลีทำจริง เดินหน้ากดดันทางการทูต-ขอตัวพลเมืองที่เป็นเหยื่อกลับ
- คดีสะเทือนขวัญทำให้ความสัมพันธ์ เกาหลีใต้-กัมพูชา อยู่ในจุดตึงเครียดครั้งสำคัญ โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีใต้ได้เรียกทูตกัมพูชาเข้าพบ โดย โจฮยอน (Cho Hyun) รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ ย้ำเตือนกับ Khuon Phon Rattanak เอกอัครราชทูตกัมพูชา ถึงคดีฆาตกรรม พร้อมขอให้ทางการกัมพูชากำจัดอาชญากรรมสแกมเมอร์อย่างเร่งด่วน
- The Korea Times วิเคราะห์ว่า ท่าทีดังกล่าวของเกาหลีใต้คือการประท้วงทางการทูตอย่างรุนแรงต่อกัมพูชา เนื่องจากเป็นเรื่อง ‘ผิดปกติ’ ที่รัฐมนตรีจะเรียกเอกอัครราชทูตเข้าพบโดยตรง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เป็นงานของอธิบดีหรือรัฐมนตรีระดับรองมากกว่า
- อย่างไรก็ดี ในแถลงการณ์ของเกาหลีใต้ระบุว่า เอกอัครราชทูตกัมพูชารับทราบถึงสารดังกล่าว และจะแจ้งประเทศต้นทางกลับ ขณะที่สถานทูตกัมพูชาไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น หรือตอบกลับคำถามจาก Reuters แต่อย่างใด
- ในเวลาเดียวกัน ทางการเกาหลีใต้ยังยกระดับการแจ้งเตือนความปลอดภัย สำหรับผู้เดินทางไปเยือนกัมพูชา โดยเฉพาะสีหนุวิลล์และเขาโบกอร์ พร้อมขอให้ยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทางที่ไม่มีความจำเป็น
- ต่อมาในวันที่ 12 ตุลาคม เกาหลีใต้วางแผนตั้งหน่วยพิเศษ หรือ ‘โต๊ะเจ้าหน้าที่เกาหลี’ (Korean Desk) หรือการมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีประจำการในต่างประเทศ เพื่อจัดการปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติโดยตรง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา มีแค่ 2 ประเทศเท่านั้น คือ ฟิลิปปินส์และไทย
- ล่าสุด การจัดการปัญหาสแกมเมอร์ในกัมพูชากลายเป็นวาระระดับชาติ หลัง อีแจมยอง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ออกโรงเรียกร้องให้ทางการกัมพูชา ส่งตัวเหยื่อชาวเกาหลีกลับมา พร้อมพิจารณาข้อจำกัดไม่ให้พลเมืองเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งควบคู่ไปกับการมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีในต่างแดน
- อีแจมยองระบุว่า สถานทูตเกาหลีใต้ในกัมพูชาได้รับเสียงเรียกร้องจากพลเมืองให้ช่วยเหลือ ซึ่งขณะนี้มีคนเกาหลีบางส่วน และเจ้าหน้าที่พร้อมใช้เงินของตนเองช่วยเหลือเหยื่อให้กลับมาประเทศโดยเร็ว
- ขณะที่ในหน้าสื่อมีข้อมูลใหม่ๆ เผยออกมา เช่น JTBC News เปิดโปงสกู๊ปข่าวว่า มีคำขอให้เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้ในกัมพูชา แต่กระทรวงความมั่นคงภายในเกาหลีปฏิเสธคำร้องกระทรวงการต่างประเทศ โดยระบุว่า งานไม่ได้ ‘เยอะมากพอ’ ถึงจะต้องเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่
- สำหรับท่าทีของฟากตำรวจเกาหลีใต้ ยู แจซอง รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติระบุว่า การทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชา ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียนด้วยกันเอง
- นอกจากนี้ Korea Joongang Daily ยังเปิดเผยว่า ทางการกัมพูชายื่นข้อเสนอ คือ ให้เกาหลีใต้ส่งผู้ลี้ภัยทางการเมืองชาวกัมพูชา มาแลกกับเหยื่อสแกมเมอร์ชาวเกาหลีใต้ ซึ่งทำให้สถานการณ์ซับซ้อนมากขึ้น
- อย่างไรก็ดี สื่อท้องถิ่นวิเคราะห์ว่า ท่าทีของอีแจมยองและรัฐบาลเกาหลีใต้ มาจากแรงกดดันของประชาชน ที่มองว่า รัฐบาลไม่กระตือรือร้น และตอบสนองต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ช้า
เผยกลลวงอาชญากรรมข้ามชาติ ทำไมคนเกาหลีจึงเป็นเหยื่อสแกมเมอร์ ?
- Korea JoongAng Daily และ Yonhap News สื่อท้องถิ่นออกมาตีแผ่กลลวงกลุ่มสแกมเมอร์ที่ใช้หลอกลวงชาวเกาหลีใต้ ผ่านวิกฤต ‘ว่างงาน’ ของคนรุ่นใหม่
- อี มันจอง ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจาก Hanyang University ระบุที่มาที่ไปว่า คนรุ่นใหม่จำนวนมากรู้สึกเบื่อหน่ายกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่แก๊งอาชญากรรมข้ามชาติใช้จุดอ่อนดังกล่าว ด้วยการล่อลวงผ่านเว็บไซต์หางาน เช่น Hadescafe หรือ Karrot Market
- ขณะที่ กวัก แดคยอง (Kwak Dae-kyung) ศาสตราจารย์ด้านบริหารงานตำรวจจาก Dongguk University ระบุว่า คนเกาหลีใต้คือเหยื่อชั้นดีของเหล่าสแกมเมอร์ เพราะอาชญากรสามารถเข้าถึงบัตรประจำตัวประชาชน และบัญชีธนาคารแบบออนไลน์ได้โดยตรง
- สำหรับวิธีการล่อลวง กลุ่มอาชญากรมักโพสต์ประกาศหางาน โดยมุ่งเป้าไปที่ประชาชนในเกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยกันเอง ซึ่งมักใช้คำโปรยดึงดูดคือ ‘หารายได้หลายล้านวอนต่อเดือน’ หรือ ‘โอกาสทำงานในต่างประเทศ’
- โพสต์หางานดังกล่าวมักอยู่ในหมวดมาร์เก็ตติง โดยเชิญชวนทุกคนด้วยข้อเสนอสุดล่อตาล่อใจ เช่น สวัสดิการที่พักสุดหรู อาหารฟรี มีตั๋วเครื่องบิน และมีรายได้สูงถึง 10-20 ล้านวอนต่อเดือน (ประมาณ 2.2-4.5 แสนบาท) ขอเพียงแค่ผู้สมัครนำพาสปอร์ตติดตัวมาอย่างเดียว พร้อมย้ำว่า ไม่มีอาชญากรรมอย่างการทำร้ายร่างกายหรือหน่วงเหนี่ยวกักขัง
- แต่ความผิดปกติ คือ การขอให้ผู้สมัครติดต่อผ่าน Telegram ซึ่งไม่ต้องอาศัยการยืนยันตัวตน และติดต่อบริษัทเหมือนการรับสมัครงานทั่วไปแต่อย่างใด
- ทั้งนี้ ทีมข่าว Korea JoongAng Daily ทดลองติดต่อตามประกาศงานดังกล่าว ซึ่งพบข้อมูลจาก Telegram ว่า บริษัทดังกล่าวตั้งอยู่สีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา โดยเงินเดือนขั้นต้นอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน (ประมาณ 6.5 หมื่นบาท) แต่มีโอกาสอาจได้สูงถึง 7,000-8,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2.2-2.6 แสนบาท) พร้อมย้ำว่า บริษัทมีที่พักสำหรับ 2 คน
- ที่น่าสนใจกว่า คือ บริษัทยอมรับว่า งานนี้เกี่ยวข้องกับ ‘การฉ้อโกง’ และ ‘หลอกลงทุน’ แต่ปฏิเสธว่า ไม่มีการลักพาตัวหรือทำร้ายร่างกาย
- นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า HR อาศัยในประเทศไทย อีกทั้งยังมีการถามผู้สมัครกลับว่า สะดวกหรือไม่ หากงานนี้มีการใช้ Voice Phishing พร้อมระบุรายละเอียดการทำงาน เช่น ต้องปลอมตัวเป็นอัยการ และรับค่าตอบแทนตามผลงาน ซึ่งพนักงานจะได้เงินราว 6% จากการหลอกลวงเหยื่อ
- ปัญหาที่ตามมา คือชาวเกาหลีใต้จำนวนมากเชื่อโพสต์ดังกล่าว แต่สถานการณ์กลับตรงกันข้าม บางคนถูกควบคุมตัว ข่มขู่ โดนทำร้ายร่างกาย หรือตกเป็นเหยื่อแก๊งสแกมเมอร์
- ปัจจุบัน Karrot Market ออกมาใช้มาตรการตอบโต้ คือ ลบโพสต์ประกาศหางานที่สุ่มเสี่ยงทิ้ง ขณะที่หน่วยไซเบอร์ระบุว่า ยังไม่ได้สอบสวนเบื้องหลังทั้งหมด และที่ผ่านมา แค่เฝ้าติดตามแนวโน้มอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นเท่านั้น
สื่อและสาธารณชนเกาหลีใต้ คิดอย่างไรกับอาชญากรรมสแกมเมอร์ในกัมพูชา
- ตั้งแต่มีการเปิดเผยรายงานคดีสแกมเมอร์ในวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา สื่อเกาหลีใต้ต่างยกให้ประเด็นดังกล่าวเป็นวาระแห่งชาติ โดยมีการจัดทำบทความและรายงานความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด
- ทั้งนี้ The Korea Times เผยแพร่บทความพิเศษว่า How did Cambodia turn into den of crime? โดยอธิบายว่า ภาพลักษณ์ของกัมพูชาในฐานะแหล่งท่องเที่ยวราคาย่อมเยา และปลอดภัยสำหรับคนเกาหลี ได้แปรเปลี่ยนไป แต่กลับถูกแทนที่ด้วยเรื่องราวการทรมาน การลักพาตัว และการเรียกค่าไถ่ หลังจากเกิดข่าวฆาตกรรมชายวัย 22 ปี
- ขณะที่ใน Naver เว็บพอร์ทัลของเกาหลีใต้ ปรากฏบทความเตือนให้ชาวเกาหลีใต้ระมัดระวังการเดินทางไปยังกัมพูชา รวมถึงประเทศอื่นในอาเซียน พร้อมเปิดเผยวิธีตรวจสอบต่างๆ เช่น
- อย่าหลงเชื่อการจ้างงานที่มีเงินเดือนสูง
- แจ้งแผนการเดินทางให้ครอบครัวทราบอย่างละเอียด
- ให้เลือกทำงานกับองค์กรที่น่าเชื่อถือ
- นอกจากนี้ ยังมี Blogger ออกมารีวิวการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยผู้ใช้ที่ชื่อ Taylor เขียนบทความหัวข้อว่า ‘กรุงเทพยังปลอดภัยอยู่ไหม’ มองความมั่นคงไทยในวิกฤตกัมพูชา
- บทความรีวิวว่า พื้นที่ฝั่งตะวันตกของไทย ซึ่งติดกับเมียนมา มีปัญหาสแกมเมอร์ ขณะที่ทางด้านตะวันตกมีความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ทำให้สถานการณ์โดยรวมต้องระมัดระวังสูง
- บทความระบุว่า เมืองไทย ‘บ้า’ กว่าที่คิดไว้ พร้อมยกตัวอย่างการทุจริต และการต้มตุ๋น แต่โดยรวมยังดีกว่ากัมพูชา จึงสรุปได้ว่า สถานการณ์เมืองไทยยังใช้ได้อยู่ และกรุงเทพฯ มีความปลอดภัยในระดับกลางๆ หากเทียบกับเมืองแบบโซลหรือโตเกียว แต่หมายเหตุไว้ว่า อย่าไปไหนคนเดียว ให้พาเพื่อนไปด้วย
- ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่ง บทความยังระบุว่า คดีอาชญากรรมสแกมเมอร์ครั้งนี้ ประเทศไทยมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่จะเดินทางไปเที่ยวหรือไม่ ก็ขึ้นกับการพิจารณาของผู้เดินทาง
- ขณะที่ความเห็นของสาธารณชนดังกล่าวต่อคดีสแกมเมอร์ไปในทิศทางเดียวกัน คือ ประณามกัมพูชา ขอให้เกาหลีใต้กดดันต่อไป ไปจนถึงการแนะนำให้รัฐบาลส่ง ‘กองกำลัง’ เข้าไปช่วยเหยื่อสแกมเมอร์
อ้างอิง:
- https://www.reuters.com/world/asia-pacific/south-korea-summons-cambodian-ambassador-over-job-scams-2025-10-10/
- https://www.koreaherald.com/article/10592321
- https://cafe.naver.com/taesarang/855829
- https://news.jtbc.co.kr/article/NB12266482?influxDiv=NAVER
- https://www.chosun.com/english/national-en/2025/10/13/UXTKN5FCLJADRKLET4HS6HEMIQ/
- https://www.theguardian.com/world/2025/oct/14/south-korea-student-alleged-torture-death-cambodia-scammers-sparks-turmoil
- https://www.koreatimes.co.kr/foreignaffairs/20251014/seoul-urged-to-pressure-cambodia-as-crimes-against-koreans-rise
- https://news.jtbc.co.kr/article/NB12266482
- https://www.hankyung.com/article/202510147102i
- https://blog.naver.com/tayloredlife/224040156653?isInf=true
- https://www.koreatimes.co.kr/foreignaffairs/20251013/explainer-how-did-cambodia-turn-into-den-of-crime