ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ดูเหมือนคนเกาหลีกับหนังแนวซอมบี้จะเป็นของที่เข้ากันได้อย่างน่าประหลาดใจ
จากเรื่องราวของ Train to Busan ที่เป็นจุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์ ‘K-Zombie’ จนนำมาสู่ซีรีส์ที่ได้รับการกล่าวขานอย่าง Kingdom และอีกมากมายหลายเรื่องตามมา นับได้ว่าเป็นความสำเร็จที่งดงามสำหรับวงการบันเทิงแดนกิมจิ
แต่ในวงการฟุตบอลเองดูเหมือนซอมบี้ก็เริ่มจะเข้ามามีส่วนนิดๆ ด้วยเหมือนกัน กับผลงานของทีมชาติเกาหลีใต้ในรายการเอเชียนคัพ ที่ตอนนี้เข้ามาจนถึงรอบรองชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สถิติที่น่าสนใจคือใน 5 นัดที่ลงสนามพวกเขามาทำประตูได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งหลังถึง 4 ประตู
ความตายยากตายเย็นนี้เองที่ทำให้เกาหลีใต้ถูกขนานนามว่า ‘ซอมบี้ฟุตบอล’ 🧟♂️
รายการฟุตบอลเอเชียนคัพ 2023 ที่ประเทศกาตาร์ ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากในเรื่องของคุณภาพเกมการแข่งขันที่พัฒนาขึ้นจากในอดีตมาก โดยเฉพาะการเติบโตของบรรดาทีมเล็กทีมน้อยที่เคยถูกมองว่าเป็นไม้ประดับ ก็สามารถปักหลักต่อสู้กับทีมใหญ่ได้อย่างน่าประทับใจ
แต่ในจำนวนนี้ก็มีทีมที่เล่นได้ไม่เป็นที่น่าประทับใจเหมือนกัน ซึ่งทีมที่แฟนบอลดูแล้วส่ายหัวมากที่สุดคือทีมชาติเกาหลีใต้ ที่ได้ ‘ฉลามขาว’ เจอร์เกน คลินส์มันน์ ตำนานศูนย์หน้าทีมชาติเยอรมนี ที่เคยคุมทีม ‘อินทรีเหล็ก’ ในช่วงฟุตบอลโลก 2006 รวมถึงทีมชาติสหรัฐอเมริกามาคุมทัพ
จากทีมที่แข็งแกร่ง ดุดัน เล่นได้มันที่สุดทีมหนึ่ง เกาหลีใต้ในเอเชียนคัพครั้งนี้อ่อนปวกเปียก ไม่เฉียบคมเหมือนเก่า และดูไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากสำหรับทีมที่มีสมญาในอดีตว่าพลังโสม (สมัยก่อนคนเฒ่าเขาแซวกันว่านักเตะเกาหลีใต้กินโสมเยอะเลยแรงดี)
แต่ก็อีกนั่นแหละ ขนาดเล่นแย่เกาหลีใต้ก็ทะลุเข้ามาได้ถึงรอบรองชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยระหว่างทางพวกเขาผ่านด่านมหาหินอย่างซาอุดีอาระเบีย รวมถึงออสเตรเลียมาได้อย่างไม่มีใครอยากเชื่อในรอบ 16 ทีมและ 8 ทีมสุดท้าย
ทั้งสองนัดเริ่มและจบลงเหมือนกันประหนึ่งหนังภาคต่อ เกาหลีใต้ตกเป็นรอง และเล่นไม่เป็นโล้เป็นพายเลย จนกระทั่งมาฮึดเอาในช่วงสุดท้ายของเกม
ในเกมกับซาอุดีอาระเบีย พวกเขาทำประตูตีเสมอได้ในนาทีที่ 99 ก่อนจะยื้อกันในช่วงต่อเวลาพิเศษและเอาชนะได้ในการดวลจุดโทษ
ส่วนในเกมกับออสเตรเลียไม่ต้องถึงฎีกา แต่กว่าจะตีเสมอได้ก็คือนาทีที่ 6 ของการทดเวลาจากจุดโทษของฮวังฮีชาน แล้วมาพลิกแซงชนะได้จากลูกฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษของซนฮึงมินที่โชว์ความเป็นสุดยอดนักเตะระดับโลกของแท้ยิงหลอกเข้าเสาแรกอย่างเหนือชั้น
ความตายยากของเกาหลีใต้ที่เหมือนจะถูกปลุกให้ตื่นในช่วงสุดท้ายของเกม และปลดปล่อยพลังหลังจากได้ประตูตีเสมอเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก
ในถ้อยคำของคลินส์มันน์เองก็ดูเหมือนจะปล่อยทุกอย่างให้อยู่ในมือสตาร์ของทีมอย่างซนฮึงมิน, ฮวังฮีชาน รวมถึงอีคังอิน ที่จะหาหนทางเอาชัยชนะมาให้ทีมให้ได้
“ซนเป็นผู้นำและผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม ผมเชื่อในการตัดสินใจของเขา” คลินส์มันน์ที่ดูไม่มีสง่าราศีเหลือเลยกล่าว โดยที่แฟน ‘นักรบแทกุก’ เองก็ไม่ค่อยสนใจฟังเท่าไร เพราะไม่เชื่อมือของกุนซือชาวเยอรมันคนนี้มาสักพักแล้ว
ความจริงไม่มีใครคาดหวังกับศูนย์หน้าที่เคยคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 1990 มาแล้วสักเท่าไร
คลินส์มันน์ได้รับการแต่งตั้งให้คุมทีมชาติเกาหลีใต้เมื่อต้นปี 2023 แทนที่ของเปาโล เบนโต ที่อำลาหลังจบภารกิจในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ซึ่งปรากฏว่าการทำงานในช่วงแรกเป็นที่น่าผิดหวังอย่างยิ่งในสายตาของสื่อมวลชนเกาหลีใต้
ไม่เพียงแค่ฟอร์มการเล่นของทีมที่ย่ำแย่ การปฏิบัติกับสื่อของคลินส์มันน์ก็ไม่เป็นที่ถูกใจนัก โดยเฉพาะเรื่องของการให้สัมภาษณ์ผ่าน Zoom จากบ้านพักที่แคลิฟอร์เนีย
เสียงวิจารณ์ดังกระหึ่มในช่วงเวลาดังกล่าว ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับทั้งเรื่องผลงานของทีม ไปจนถึงเรื่องของการวางตัวต่างๆ เพียงแต่ในความรู้สึกลึกๆ แล้วไม่มีคนเชื่อมือหรือเชื่อใจกุนซือฉลามขาวคนนี้สักเท่าไรนัก
อย่างไรก็ดีในการแข่งขันฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ ทีมที่ประสบความสำเร็จไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นทีมที่เล่นได้ดีสวยงามตั้งแต่นัดแรกเสมอไป
บ่อยครั้งทีมที่เริ่มต้นได้กระท่อนกระแท่น แต่ค่อยๆ เริ่มดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปแต่ละนัดก็จบด้วยถ้วยแชมป์ ตัวอย่างที่ดีล่าสุดคือในฟุตบอลโลก 2022 ที่อาร์เจนตินา เริ่มต้นด้วยการแพ้ซาอุดีอาระเบียมาก่อนจะค่อยๆ พลิกฟอร์ม ฝ่าตะลุยไปทีละรอบทีละนัดจนสุดท้ายคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 ปิดตำนานเทพนิยายลูกหนังของลิโอเนล เมสซีได้
เกาหลีใต้ก็มีโอกาสจะทำได้เช่นกัน หลังจากที่ไม่เคยคว้าแชมป์รายการนี้มาครองได้เลยนับตั้งแต่ปี 1964 หรือ 50 ปีมาแล้ว โดยครั้งล่าสุดที่ได้เข้าชิงชนะเลิศคือปี 2015 แต่ก็พ่ายให้กับออสเตรเลีย (ซึ่งมี แอนจ์ ปอสเตโคกลู คุมทัพ และเป็นบอสของซนฮึงมินในสโมสร)
เริ่มจากเกมคืนนี้ที่จะพบกับจอร์แดน ซึ่งบู๊กันมาอย่างสนุกในเกมรอบแรกที่เสมอกัน 2-2 โดยที่จอร์แดนก็เป็นหนึ่งในความเซอร์ไพรส์ของรายการนี้
ถ้าหากผ่านด่านไปได้ก็จะรอพบกับผู้ชนะระหว่างแชมป์เก่าและเจ้าภาพกาตาร์ หรืออิหร่านที่หักด่านญี่ปุ่นได้อย่างยอดเยี่ยม
คลินส์มันน์บอกเป็นนัยว่าทีมของเขาพร้อมเสมอหากเกมจะยื้อไปถึงช่วงของการต่อเวลาพิเศษ หรือแม้แต่การดวลจุดโทษ
ฟอร์มอาจไม่โดนใจ แต่บอกเลยไม่มีใครประมาท ‘ซอมบี้ฟุตบอล’ ได้แน่นอนในตอนนี้!
อ้างอิง:
- https://www.reuters.com/sports/soccer/south-korea-jordan-expect-suffer-asian-cup-semi-final-2024-02-05/
- https://www.aljazeera.com/sports/2024/2/5/afc-asian-cup-2023-jordan-vs-south-korea-semifinal-preview-football-qatar
- https://www.theguardian.com/football/2024/feb/05/asian-cup-south-korea-semi-final-jordan
- เกาหลีใต้และจอร์แดน พบกันแค่ 6 ครั้งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
- จอร์แดนไม่เคยชนะเกาหลีใต้เลย แต่แพ้แค่ 2 ครั้งหลังสุดเท่านั้น