วันนี้ (10 มิถุนายน) สนธิ ลิ้มทองกุล, จตุพร พรหมพันธุ์, วีระ สมความคิด และ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พร้อมด้วยเครือข่ายประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดิน ได้รวมตัวเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทำหน้าที่ปกป้อง รักษาอธิปไตยและความมั่นคงของชาติอย่างจริงจัง
ในการยื่นหนังสือครั้งนี้ เครือข่ายฯ ได้ระบุถึงกรณีที่ทหารและพลเรือนกัมพูชาได้รุกล้ำราชอาณาจักรไทยในหลายพื้นที่ รวมถึงมีการปลุกระดมว่าประเทศยึดครองปราสาทของกัมพูชา ซึ่งล่าสุดทางการไทยได้ตอบโต้ด้วยการปรับลดเวลาเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา และทำให้รัฐบาลกัมพูชายอมถอยกำลังบางส่วน
สนธิเปิดเผยว่า การถอยของฝ่ายกัมพูชาเป็นเพียงการถอยทางยุทธวิธีที่ยังไม่สามารถไว้ใจได้ เนื่องจากกัมพูชายังคงประกาศว่าจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การตัดสินของศาลโลก และยังยึดถือแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 ที่จัดทำขึ้นโดยฝรั่งเศสแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งคลาดเคลื่อนจากแนวสันปันน้ำตามธรรมชาติถึง 200 เมตร
ด้วยเหตุผลดังกล่าว กลุ่มประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดินจึงได้ยื่นหนังสือเรียกร้องถึงนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ตอบโต้ทางการกัมพูชา โดยเสนอ 6 มาตรการสำคัญ ดังนี้
- รัฐบาลไทยต้องประกาศย้ำไม่ยอมรับอำนาจของศาลโลกและไม่ยอมรับการที่กัมพูชาจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของศาล โดยต้องใช้กลไกการเจรจาในรูปแบบทวิภาคีผ่านคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทย-กัมพูชา (JBC) เท่านั้น
- รัฐบาลไทยต้องประท้วงอย่างเป็นทางการต่อประชาคมโลกว่าปราสาทตาเมือนธม, ตาเมือนโต๊ด, ตาควาย และศาลาตรีมุข เป็นดินแดนของไทย
- สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 เพื่อยกเลิกแผนที่ที่จัดทำขึ้นโดยฝรั่งเศสแต่เพียงฝ่ายเดียว
- สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศยกเลิก MOU ปี 2544 เพื่อยกเลิกเส้นไหล่ทวีปที่รุกล้ำน่านน้ำไทย
- ในการเจรจา JBC ควรเสนอให้ลดเวลาในการเปิด-ปิดด่านไทย-กัมพูชาต่อไป จนกว่ากัมพูชาจะปราบปรามการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดน
- หากสถานการณ์ไทย-กัมพูชาเลวร้ายลง กองทัพไทยควรสามารถประกาศกฎอัยการศึกเพื่อปกป้องอธิปไตยได้ทันที
ภายหลังการยื่นหนังสือ สนธิและจตุพรได้ปราศรัยกับมวลชนพร้อมยืนยันว่ากัมพูชายังไม่มีความจริงใจในการถอยกำลังในพื้นที่ข้อพิพาท โดยกัมพูชาได้ละเมิดข้อตกลงและรุกล้ำพื้นที่ไทยมาแล้วถึง 470 ครั้ง ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการปกป้องอธิปไตยตาม 6 ข้อเรียกร้องที่ได้เสนอไป
สนธิกล่าวทิ้งท้ายว่า หากรัฐบาลยังคงไม่ดำเนินการตอบโต้ จะได้เห็นพลังคนรักชาติของประชาชนต่อไป ส่วนประเด็นนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการรวมตัวของมวลชนเพื่อขับไล่รัฐบาลหรือไม่นั้น ขอให้รอดูสถานการณ์