“ฤดูร้อนนี้ก็จะครบ 10 ปีแล้วที่คุณมาอยู่กับท็อตแนม คุณมองชีวิตช่วงทศวรรษที่ผ่านมาของคุณอย่างไรบ้าง”
ซนฮึงมินยิ้มบางๆ ให้กับคำถาม ใบหน้าของเขาอาจจะยังดูอ่อนเยาว์อยู่มากเมื่อเทียบกับนักฟุตบอลชาวตะวันตกหรืออเมริกาใต้เพื่อนร่วมทีม แต่สำหรับคนที่รักและเฝ้าให้กำลังใจเขามาอย่างยาวนานจะรู้ดีว่า ซนฮึงมินในวัย 32 ปีนั้นต่างจากหนุ่มเกาหลีบอยแบนด์เมื่อ 10 ปีที่แล้วมาก
แววตาของเขาไม่ได้เปล่งประกายสดใสเหมือนวันนั้นอีกแล้ว แต่เป็นแววตาที่สงบนิ่งของคนที่ผ่านเรื่องราวและช่วงเวลาต่างๆ มากมาย ทั้งช่วงเวลาที่มีความสุขและเวลาที่แสนเศร้า
แต่ในเวลาเดียวกัน หากมองลึกลงไปที่นัยน์ตา ‘ซอนนี่อปป้า’ มันมีประกายของความหวังเล็กๆ ส่องสว่างอยู่ข้างใน
มีบางสิ่งที่เขาอยากทำให้ได้ก่อนที่เวลาจะหมดลง
ฤดูร้อนของปี 2015 มีข่าวการย้ายทีมที่น่าสนใจเกิดขึ้น เมื่อ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สโมสรฟุตบอลดังของพรีเมียร์ลีก ตัดสินใจจ่ายเงินมากถึง 22 ล้านปอนด์ให้แก่ทีมไบเออร์ เลเวอร์คูเซน เพื่อขอซื้อกองหน้าคนหนึ่งมาร่วมทีม
กองหน้าคนนั้นคือ ซนฮึงมิน ดาวเด่นทีมชาติเกาหลีใต้ ที่กลายเป็นนักฟุตบอลชาวเอเชียที่มีค่าตัวแพงที่สุดในช่วงเวลานั้น
ความจริงกองหน้าที่ เมาริซิโอ โปเชตติโน นายใหญ่ไฟแรงของสเปอร์สในเวลานั้น ต้องการในทีแรกคือ ไซโด เบราฮิโน กองหน้าที่กำลังแจ้งเกิดและโดดเด่นอย่างมากในพรีเมียร์ลีกช่วงเวลานั้น เพียงแต่ความพยายามในการขอซื้อตัวศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษชุดอายุต่ำกว่า 21 ปีไม่เป็นผลสำเร็จ เมื่อเวสต์บรอมวิช อัลเบียน ต้นสังกัดของผู้เล่น ยืนกรานไม่ปล่อยตัวออกไปอย่างเด็ดขาด
นั่นทำให้ แดเนียล เลวี ประธานสโมสร จำเป็นต้องมองหาตัวเลือกใหม่เพื่อเสริมทีมสเปอร์สให้มีเขี้ยวเล็บมากขึ้น และนั่นนำไปสู่การได้รู้จักกับซนฮึงมิน ซึ่งกำลังทำผลงานได้อย่างโดดเด่นให้กับเลเวอร์คูเซนเช่นเดียวกัน
‘ซอนนี่’ เป็นผลผลิตลูกหนังที่ชาวเกาหลีใต้ภาคภูมิใจ เพราะได้โอกาสในการมาค้าแข้งในบุนเดสลีกาตั้งแต่อายุน้อยเพียงแค่ 16 ปี จากโครงการความร่วมมือกันระหว่างสมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้กับสโมสรฮัมบวร์ก เอสเฟา แม้ว่านั่นจะหมายถึงการที่ซนฮึงมินต้องตัดสินใจทิ้งทุกอย่างที่บ้านเกิดก็ตาม
ที่ฮัมบวร์ก แม้จะเปิดประตูต้อนรับ แต่ไม่ได้หมายความว่าเส้นทางจะโรยด้วยดอกมูกุงฮวา เขาอยู่ในสถานะของเด็กเยาวชนในอะคาเดมีที่ต้องต่อสู้กับเพื่อนร่วมรุ่นและรุ่นพี่ในทีมชุดใหญ่ที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เล่นระดับโลกที่นอกจากชั้นเชิงจะสูงส่งกว่าประสบการณ์ก็เหนือกว่าด้วย
การก้าวเดินทีละขั้นจากทีมเยาวชนสู่ทีมชุดใหญ่นั้นแสนยากเย็น และทำเอาแม้แต่เด็กที่ผ่านการฝึกอย่างเข้มงวดเข้าขั้นโหดแบบซนฮึงมินก็เกือบถอดใจแล้วเหมือนกัน
แต่แววโดดเด่นของเขานั้นเป็นที่รู้กันว่าเด็กเกาหลีคนนี้มีของ
หนึ่งในคนที่มองเห็นพรสวรรค์ที่มาพร้อมกับพรแสวงคือ รุด ฟาน นิสเตลรอย หัวหอกพญายมที่ในเวลานั้นเป็นตำนานรุ่นลายครามที่ใกล้ปลดระวางเต็มที แต่เพชฌฆาตชาวดัตช์ไม่เคยถือตัว ในทางตรงกันข้าม กลับรับรุ่นน้องคนนี้เข้ามาอยู่ใต้ปีก ด้วยคำทักทายที่ง่ายๆ แต่อบอุ่นในวันแรกที่ซนเข้ามาในห้องแต่งตัวทีมชุดใหญ่
“สบายดีไหม” คำทักทายจากฟาน นิสเตลรอย ต่อรุ่นน้อง ทั้งๆ ที่เป็นเบอร์ใหญ่ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนี้ก็ได้
ในช่วงพรีซีซันครั้งหนึ่ง ซนฮึงมินที่กำลังทำผลงานได้ดีเกิดโชคร้ายได้รับบาดเจ็บถึงขั้นกระดูกฝ่าเท้าหักและต้องใส่เฝือก ซึ่งในวันถัดมามีการถ่ายภาพทีมประจำปีของสโมสรฮัมบวร์กพอดี ฟาน นิสเตลรอย เห็นรุ่นน้องเจ็บอยู่ก็เดินมาให้กำลังใจว่า “พวกเราจะรอนายเสมอ”
น้ำใจจากรุ่นพี่ทำให้ซอนนี่น้ำตาไหลเป็นทาง และทำให้เขามุ่งมั่นที่จะกลับมาลงสนามให้ได้อีกครั้ง โดยที่มีศูนย์หน้าระดับตำนานเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลสารทุกข์สุขดิบทุกอย่าง ก่อนที่เส้นทางจะนำพาเขาไปสู่สโมสรที่ใหญ่กว่าอย่างเลเวอร์คูเซน
และผลงาน 29 ประตูจากการลงสนาม 87 นัด นำทางเขามาสู่ลอนดอน
จากวันนั้นถึงวันนี้เวลาผ่านมารวดเร็วจนน่าใจหาย
ซนฮึงมินก้าวจากผู้เล่นวัย 23 ปี สู่การเป็นนักฟุตบอลที่ได้รับการประทับตราว่าเป็น ‘ตำนาน’ แห่งไวต์ฮาร์ตเลนไปเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับเกียรติประวัติส่วนตัวอีกที่ควรค่าแก่การยกย่อง
ดาวซัลโวตลอดกาลอันดับที่ 5 ของสเปอร์ส ด้วยผลงาน 199 ประตูจากการลงสนามทั้งหมด 399 นัด
นักเตะสเปอร์สที่ทำแอสซิสต์สูงที่สุดตลอดกาล 71 ครั้ง
นักเตะชาวเอเชียคนแรกที่ได้รางวัลรองเท้าทองคำ (ดาวซัลโวประจำฤดูกาลพรีเมียร์ลีก) ในฤดูกาล 2021/22 ด้วยจำนวน 23 ประตู
นักเตะชาวเอเชียคนแรกที่ทำประตูในพรีเมียร์ลีกได้ครบ 100 ประตู
เจ้าของรางวัล Puskás Award จากประตูโซโล่ในเกมที่พบกับเบิร์นลีย์เมื่อฤดูกาล 2019/20
นักเตะสเปอร์สคนที่ 3 ที่ลงสนามให้ทีมครบ 300 นัด ต่อจาก อูโก ญอริส และ แฮร์รี เคน
แต่ทั้งหมดนี้ รางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตสำหรับซนฮึงมิน คือการเป็นนักฟุตบอลที่เป็นที่รักและได้รับความเคารพจากทั้งเพื่อนร่วมทีมและแฟนฟุตบอลมากที่สุดคนหนึ่ง โดยที่ไม่ได้พยายามทำตัวให้สำคัญเลยแม้แต่น้อย
ทุกคนรักและเคารพซนในฐานะ ‘รุ่นพี่’ จากการวางตัวที่ยอดเยี่ยมในฐานะมืออาชีพ ไม่เคยก่อเรื่องอื้อฉาว ไม่เคยงอแงขอย้ายไปทีมที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าทั้งที่สามารถทำได้สบายมาก ทุ่มเทเสมอทั้งในการซ้อมและในการลงแข่งขัน และแม้จะทำผลงานได้ยอดเยี่ยมขนาดไหนซนฮึงมินไม่เคยถือตัว
เขายังถ่อมตนอยู่เสมอ ซึ่งไม่ต่างจากที่คนเฒ่าเขาบอกไว้ว่า ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงคือคนที่ถ่อมตนที่สุด
ดังนั้นไม่ว่าซนฮึงมินจะได้อยู่กับสเปอร์สตลอดไปหรือไม่ วันที่เขาต้องอำลาทีมตามวิถีของนักฟุตบอล เขาจะได้รับการยกย่อง ไม่เพียงแค่ในฐานะหนึ่งในนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสร
เขายังเป็นนักฟุตบอลผู้ได้รับความรักจากทุกคนมากที่สุดด้วย สิ่งนี้คือสุดยอดรางวัลของชีวิตที่แลกมาด้วยชีวิตและความฝัน
และวันนั้นจะเป็นวันที่เศร้าที่สุดวันหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสเปอร์สอย่างแน่นอน
แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ซนฮึงมินยังมีสิ่งที่เขาปรารถนาจะทำให้ได้
“ผมไม่กล้าจะให้คนเรียกว่าตำนานได้หรอกถ้าผมยังคว้าแชมป์ไม่ได้” เขาให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ TNT ก่อนที่จะถึงเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูฟ่ายูโรปาลีก ที่จะพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในคืนวันพุธที่ 21 พฤษภาคมนี้
“ผมยังอยู่ที่นี่เพราะผมอยากจะชนะ” ซอนนี่อปป้ากล่าว “นั่นเพราะตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ ยังไม่เคยมีใครพาทีมนี้คว้าแชมป์ได้เลย”
อย่าว่าแต่ตัวเขาเองเลย แม้แต่ แฮร์รี เคน อดีตศูนย์หน้าหมายเลขหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสโมสรที่เป็น ‘คู่ขวัญ’ เองก็ไม่สามารถทำได้ ดีที่สุดของพวกเขาคือการเป็นรองแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาล 2019/20 นัดที่ว่ากันว่าหากวันนั้นสเปอร์สเป็นฝ่ายชนะลิเวอร์พูล โชคชะตาของสองสโมสรอาจจะสวนทางกันก็เป็นได้
ครั้งสุดท้ายที่สเปอร์สได้แชมป์คือถ้วยลีกคัพในฤดูกาล 2007/08 ยุคที่ยังมี ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ นำทัพ และ แฮร์รี เรดแนปป์ เป็นผู้จัดการทีม ด้วยการเฉือนเอาชนะเชลซีอย่างหวุดหวิด 2-1 ในช่วงของการต่อเวลาพิเศษจากประตูชัยของ โจนาธาน วูดเกต
ถ้วยก่อนหน้านั้นของสเปอร์สต้องย้อนกลับไปถึงในฤดูกาล 1998/99 ที่เอาชนะเลสเตอร์ ซิตี้ ได้ในนัดชิงลีกคัพ (ในชื่อเวิร์ทธิงตันคัพ) ด้วยประตูชัยของ อัลลัน นีลเซน โดยมี คริสเตียน โกรสส์ ผู้จัดการทีมชาวสวิสแลนด์คุมทัพ
ซนฮึงมินต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ที่ว่างเปล่าของสเปอร์สให้ได้
เพียงแต่เขาไม่ได้ต้องการแชมป์นี้เพื่อตัวเองหรอก
“ผมไม่ได้อยากคว้าแชมป์นี้เพื่อตัวเองหรอก ผมอยากทำให้ทีม อยากทำให้น้องๆ ทุกคนในทีม
“พวกเขาอาจจะคิดไปอีกทางว่าอยากจะคว้าแชมป์เพื่อผมอยู่ ผมมองเห็นและผมสัมผัสได้ รวมถึงแฟนๆ ด้วย ผมรู้สึกตื้นตันมากๆ”
แม้ว่าจะมีเสียงวิพากษ์ผลงานในการลงสนามของเขาจากแฟนๆ บ้างในช่วงหลัง ซึ่งอปป้าบอกว่าเขาก็แอบผิดหวัง เพียงแต่เรื่องนี้จะไม่กระทบต่อใจของเขาอย่างแน่นอน
10 ปีของการเดินทางกับสเปอร์ส ซนฮึงมินผ่านอะไรมากมายที่หากเปรียบเป็นเหมือนการต่อภาพจิ๊กซอว์ภาพนี้ก็ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
ขาดเพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้นภาพก็จะงดงาม
แน่นอน เขารู้ว่าชิ้นสุดท้ายที่ตามหานั้นอยู่ที่ไหน และจะไม่ยอมปล่อยให้หายไปอีกอย่างแน่นอน
อ้างอิง: