วันนี้ (5 มีนาคม) สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในส่วนของพรรคเพื่อไทยว่า ได้พูดคุยและเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีไว้แล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าจะอภิปรายกันกี่วัน เบื้องต้นน่าจะเป็นวันที่ 24-25 มีนาคม ซึ่งฝ่ายรัฐบาลไม่ได้หวั่นและวิตกกังวลอะไร ส่วนญัตติจากการตรวจสอบไปยังรองประธานสภาผู้แทนราษฎรพบว่ายังไม่ได้บรรจุวาระในการประชุมสภา หลังจากญัตติบรรจุเข้าวาระแล้วคงจะได้มีการพูดคุยกัน
ส่วนที่มีการกล่าวว่ารัฐบาลใจแคบให้ฝ่ายค้านอภิปราย 1 วันนั้น สมคิดกล่าวว่า ตนเคยเป็นฝ่ายค้านร่วมกันกับพรรคประชาชนมาก่อน เคยยื่นญัตติขออภิปราย 5 วันแต่ได้ 3 วัน อภิปราย 11 คน แต่ครั้งนี้อภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ดังนั้นอยู่ที่การพูดคุยต่อรองกันของวิปสามฝ่าย ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกัน จะเป็นแนวคิดวิวาทะของใครไม่มีใครใจกว้างใจแคบ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส. แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีด้วยนั้น สมคิดกล่าวว่าต้องขอบพระคุณท่านที่จะอภิปราย ความจริงตนเป็นห่วงท่าน เพราะที่เคยอยู่สภา เท่าที่เห็น 4 ปี ท่านอภิปรายแค่ 2 วินาที ครั้งนี้เห็นว่าจะยืนอภิปรายเป็นชั่วโมงก็ต้องขอบคุณท่านที่จะร่วมอภิปรายรัฐบาล ไม่เป็นไร เราเตรียมที่จะตอบ ยินดีและขอให้กำลังใจท่าน พร้อมขอให้ทีมรอบข้างของท่าน เลขาธิการพรรคให้ข้อมูลท่านเยอะๆ ท่านจะได้พูดคุยกับพี่น้องประชาชนได้ ซึ่งตนจะรอดูไม่ไปไหน
ส่วนประเด็นที่การอภิปรายจะมีทั้งเรื่อง MOU และคาสิโนนั้น สมคิดระบุว่า รัฐบาลพร้อม และมีข้อมูลมีเหตุมีผลที่จะตอบ ปกติแล้วเวทีอภิปรายเป็นของฝ่ายค้าน ซึ่งรัฐบาลจะดูตามญัตติที่ยื่นมาเพื่อเตรียมการ ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็ได้เตรียม สส. และเมื่อคืนนี้ก็ได้พูดคุยกับประธานวิปรัฐบาลไว้แล้วว่าจะไม่มีการเตรียมองครักษ์ เพราะเป็นเรื่องเหตุและผล งานนี้เป็นเวทีของฝ่ายค้านก็ต้องเปิดโอกาสให้พูดเยอะๆ เราก็อธิบายไป
เมื่อถามว่าไม่ได้หวั่นไหวข้อมูลที่พรรคประชาชนจะอภิปรายใช่หรือไม่ สมคิดกล่าวว่า ไม่มีอะไรต้องหวั่นไหวและเมื่ออภิปรายนายกรัฐมนตรีก็จะตอบมากที่สุด ซึ่งญัตติที่เขียนมีเรื่องการเป็นผู้นำและการครอบงำต่างๆ นายกรัฐมนตรีก็ตอบได้ ส่วนจะพาดพิงถึงกระทรวงไหนตัวรัฐมนตรีก็สามารถลุกขึ้นตอบชี้แจงได้ แต่ญัตติแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย มีในรัฐบาลสมัย บรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ถูกยื่นอภิปรายคนเดียว นอกนั้นก็จะอภิปรายนายกรัฐมนตรีทั้งคณะหรือรัฐมนตรีรายบุคคล แบบนั้นกรอบการอภิปรายก็จะอภิปรายได้มากหน่อย ซึ่งต้องตกลงกันก่อนการประชุมว่าญัตติแบบนี้จะพูดกันได้มากแค่ไหน
ดังนั้นฝ่ายค้านอย่าโวยวายว่าพูดถึงใครก็ไม่ได้ เพราะคุณเขียนญัตติแบบนี้ ถ้าอยากอภิปรายทำไมไม่บอกว่านายกฯ แพทองธารและคณะ จะได้พูดได้หมด พอเขียนกรอบแคบ สมาชิกและประธานสภาจะยอมหรือไม่ หากเขียนกรอบอภิปรายอย่างไรก็อภิปรายในกรอบที่เป็นญัตติ ไม่เช่นนั้นจะสร้างความยุ่งยากให้ตัวประธานและผู้อภิปราย