หมายเหตุ: บทความนี้เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
การใช้คำสั่งหัวหน้า คสช. ปลดคุณสมชัย ศรีสุทธิยากร จาก กกต. เป็นการใช้อำนาจคณะรัฐประหารจัดการบุคคลในองค์กรอิสระที่ไม่เคยมีมาก่อน แม้ระบอบ คสช.จะใช้ ม.44 ปลดข้าราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจนนับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยที่ พล.อ. ประยุทธ์ จะเซ็นชื่อปลดกรรมการองค์กรอิสระคนเดียวแบบที่ทำกับสมชัย
ไม่มีใครรู้ว่าคุณประยุทธ์ไม่พอใจอะไรคุณสมชัยนักหนา นอกจากตัวคุณประยุทธ์เอง ซึ่งตามกฎหมายที่ตัวเองเขียนขึ้น คุณประยุทธ์ไม่จำเป็นต้องชี้แจงเหตุในการปลดหรือรับผิดชอบอะไรแม้แต่นิดเดียว
คุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์น่าจะเป็นคนที่ดีใจที่สุดที่คุณประยุทธ์ทำแบบนี้ เพราะต่อไปนี้ข้อครหาว่าฝั่งไทยรักไทยแทรกแซงองค์กรอิสระจะเป็นเรื่องตลก เพราะการปลดคือการแทรกแซง ในขณะที่อดีตนายกฯ สองคนนี้ไม่เคยปลดใครแบบนี้ และคุณประยุทธ์น่าจะเป็นคนแรกที่ปลดกรรมการองค์กรอิสระในประเทศไทย
จริงอยู่ว่าคุณประยุทธ์มีอำนาจตามกฎหมายที่เขียนเองในการปลด แต่ต้นทุนทางการเมืองในการปลดครั้งนี้แพงมาก และน่าจะเป็นหนึ่งในเคราะห์กรรมทางการเมืองที่จะไล่ล่ารัฐบาลนี้ ต่อให้จะเป็นการปลดหนึ่งในบุคลากรทางการเมืองที่มีคนรักน้อยที่สุดในประเทศไทยอย่างคุณสมชัยก็ตาม
ในโรดแมปตามแผนที่ สนช. ซึ่งเป็นคนของรัฐบาลกำหนด กรรมการชุดปัจจุบันจะพ้นวาระทันทีที่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. เสร็จสิ้น
ในทางปฏิบัติ กกต. ชุดสมชัยจึงเหมือนคนป่วยที่อยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ เหลือเพียงแต่รอวันมรณะจริงในวันที่ กกต. ชุดใหม่เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน
คำถามคือ ทำไมคุณประยุทธ์ต้องใช้คำสั่งหัวหน้า คสช. ปลดคุณสมชัย ในเมื่อ กกต.ทั้งชุดก็จะหมดอำนาจไปในอีกไม่กี่วัน?
คำแถลงของคุณประยุทธ์ในราชกิจจานุเบกษาระบุสาเหตุในการปลดคุณสมชัยสองข้อ ข้อแรกคือสมชัยพูดเรื่องการเลือกตั้งเยอะจนคนสับสน ข้อสองคือคุณสมชัยสมัครเป็นเลขาฯ กกต. ทั้งที่ตัวเองเป็น กกต. ซึ่งเป็นการขัดกันของผลประโยชน์ แต่คนที่มีวิจารณญาณกี่คนจะเชื่อว่าสองเรื่องนี้เป็นเหตุแห่งการปลดจริง?
ถ้าปลดคุณสมชัยเพราะทำสังคมสับสนเรื่องวันเลือกตั้ง ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา คนไทยคงสับสนเรื่องนี้เพราะการเลือกตั้งถูกเลื่อนซ้ำซากมาแล้วสี่ครั้ง ยิ่งกว่านั้นคือฝ่ายเลื่อนมุ่งมั่นจนทำตั้งแต่คว่ำรัฐธรรมนูญ แกล้งทะเลาะกันเรื่องกฎหมายลูก ยื่นศาลตรวจกฎหมาย หรือแม้แต่บังเอิญเจอระเบิดที่ใช้งานไม่ได้ตลอดเวลา
ถ้าจะปลดคุณสมชัยเพราะทำให้สังคมสับสนเรื่องเลือกตั้ง คนที่ควรถูกปลดเป็นอันดับแรกคือคนที่ทำให้การเลือกตั้งเลื่อนซ้ำซากไม่รู้จบ ส่วนเรื่องสมชัยสมัครเลขาฯ เป็นการขัดผลประโยชน์หรือไม่นั้นเป็นเรื่องกฎหมายที่ กกต. ต้องวินิจฉัย ไม่ใช่คนนอกไปยุ่งเรื่องซึ่งคนมีอำนาจตามกฎหมายเขาไม่พูดอะไร
พูดตรงๆ การปลดโดยอ้างเรื่องสมชัยสมัครเป็นเลขา กกต. ทำให้คุณประยุทธ์ยื่นมือไปแทรกแซงองค์กรอิสระมากขึ้นไปอีก เพราะไม่เพียงยุบ ส่งคนไปคุม ปลดกรรมการองค์กรอิสระ แต่ยังทำเรื่องที่เป็นอำนาจกรรมการองค์กรอิสระโดยตรง
ความเป็นมาแบบนี้ทำให้เชื่อได้ยากว่าคุณประยุทธ์พูดความจริงอย่างครบถ้วนในคำแถลงเหตุปลดสมชัย
ใครที่อ่านหนังสือออกย่อมรู้ว่าคุณประยุทธ์เห็นต่างกับคุณสมชัยเรื่องคืนอำนาจให้ประชาชน การเลื่อนเลือกตั้งสี่ครั้งในสี่ปีคือใบเสร็จว่าคุณประยุทธ์ไม่อยากคืน ส่วนคุณสมชัยเล่นบทเตือนภัยสังคมเรื่องยุทธวิธีที่ ‘กลุ่มเลื่อน’ ใช้ในการยื้ออำนาจไปเรื่อยๆ ซึ่งต้องยอมรับว่าส่วนใหญ่ตรงกับที่คุณสมชัยพูดจริง
ในรอบปีที่ผ่านมา คุณสมชัยชี้ว่ายุทธวิธีหรือเล่ห์เหลี่ยมที่ฝ่ายเลื่อนเลือกตั้งทำเพื่อยื้ออำนาจมีสามเรื่อง หนึ่งคือยึดอำนาจกำหนดวันเลือกตั้งไปเป็นของตัวเอง สองคือใช้ชั้นเชิงในสภายื้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง และสามคือยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจกฎหมายจนการเลือกตั้งอาจช้าไปอีกเป็นปี
ขณะที่นายกผู้รัฐประหารโดยอ้างเรื่องโมฆะกรรมของการเลือกตั้ง 2557 ระบุว่าตัวเองจะประกาศวันเลือกตั้งเอง ตั้งเงื่อนไขว่าจะไม่เลือกตั้งหากพรรคการเมืองไม่มาคุยด้วย สั่งให้ทุกพรรคชี้แจงนโยบายตามที่นายกระบุ คุณสมชัยทักตรงๆ ว่ารัฐธรรมนูญกำหนดให้อำนาจในการประกาศวันเลือกตั้งเป็นของ กกต.
แปลไทยให้เป็นไทยก็คือคุณสมชัยบอกนายกและคนไทยว่าคุณประยุทธ์ไม่มีสิทธิยึดอำนาจประกาศวันเลือกตั้งเป็นของตัวเองตามใจชอบ กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจคุณประยุทธ์เรื่องนี้ และฉะนั้น จึงไม่มีใครต้องทำอะไรตามเงื่อนไขนอกกฎหมายซึ่งคุณประยุทธ์ตั้งขึ้นซึ่งขัดกับอำนาจที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้อีกทาง
ข้ออ้างทางกฎหมายเรื่องเดียวที่ให้นายกยุ่งเรื่องวันเลือกตั้งคือคำสั่ง คสช. ที่ 53/2560 ซึ่งคุณประยุทธ์เขียนเองหลังรัฐธรรมนูญผ่านแล้วว่าให้รัฐบาล และ คสช. จัดทำขั้นตอนเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง โดยให้หารือกับ กกต. กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ประธาน สนช. และอาจเชิญผู้แทนพรรคหรือกลุ่มการเมืองร่วมพูดคุย
อย่างไรก็ดี คำสั่งนี้ไม่ได้บอกว่าการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นอำนาจของนายก เช่นเดียวกับไม่ได้บอกว่านายกเลื่อนเลือกตั้งได้ หากพรรคการเมืองไม่มาชี้แจงนโยบายกับรัฐบาลที่มีอำนาจโดยจับพรรคการเมืองวันรัฐประหาร ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอย่างให้ ‘รัฐบาล’ หารือ ‘คสช.’ ทั้งที่สององค์กรนี้แทบเป็นเรื่องเดียวกัน
ยังดีที่คุณสมชัยไม่ทักว่าทำแบบนี้ขัดกับรัฐธรรมนูญ ไม่ขยี้ต่อว่าทำแบบนี้เท่ากับคำสั่ง คสช. ใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ ซึ่งก็เท่ากับคำสั่งคุณประยุทธ์อยู่เหนือรัฐธรรมนูญ รวมทั้งไม่เปิดประเด็นว่าพรรคการเมืองไม่ต้องไปตามที่นายกกำหนด เพราะคำสั่ง คสช. ระบุแค่เรื่องเชิญ แต่ไม่ได้สั่งให้ทุกพรรคต้องไป
นอกจากจะย้ำว่าอำนาจประกาศวันเลือกตั้งเป็นของ กกต. ไม่ใช่นายก คุณสมชัยยังย้ำหลายครั้งเรื่อง สนช. และกระบวนการศาลรัฐธรรมนูญจะทำให้การเลือกตั้งช้ากว่าเดือนกุมภาพันธ์ 2562 จนอาจถึงเดือนสิงหาคมหรือมากกว่านั้น หากศาลรัฐธรรมนูญบอกว่ากฎหมายเป็นโมฆะจนต้องยกร่างใหม่ตั้งแต่ต้นทั้งฉบับ
การแสดงบทบาทประเภท ‘รู้ทันประยุทธ์’ หรือ ‘รู้ทันคนเบี้ยวเลือกตั้ง’ แบบนี้ต่างหากที่น่าจะเป็นเหตุที่คุณสมชัยถูกคำสั่งหัวหน้า คสช. ปลดจากตำแหน่ง ทั้งที่จะพ้นจากตำแหน่งอีกไม่กี่วัน
คนเกลียดคุณสมชัยจำนวนมากสะใจกับคำสั่ง คสช. ที่คุณประยุทธ์สั่งปลดคุณสมชัย แต่มองในภาพใหญ่แล้ว การปลดเป็นส่วนหนึ่งของยุทธการสยายปีกคุมองค์กรอิสระที่น่าวิตก และหากเอาเรื่องประเทศเป็นตัวตั้ง การปลดเป็นสัญญาณของการเมืองเรื่องยื้อเลือกตั้งและคุมประเทศที่สยดสยองและอันตราย
ในช่วงที่กลุ่มต่อต้านประชาธิปไตยขัดขวางการเลือกตั้งปี 2557 ความอุกอาจของคุณสมชัยเรื่องทำงานใหญ่ใจต้องเอียงเป็นเรื่องที่ใครเห็นก็ไม่มีวันลืมได้ ไม่ต้องพูดถึงท่วงทำนองเย้ยหยันตั้งแต่ก่อนประกาศเลือกตั้งว่าการเลือกตั้งผิดกฎหมาย และในที่สุดก็เกิดการยกเลิกการเลือกตั้งจริงๆ โดยไม่แม้แต่จะนับคะแนน
นอกจากความเอียงในการทำหน้าที่ กกต. แบบเป็นปฏิบัติการคู่ขนานการต่อต้านประชาธิปไตยช่วงต้นปี 2557 คุณสมชัยยังเอียงในจังหวะที่องค์กรอิสระทั้งหมดเอียงข้างฝ่ายล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เช่นเดียวกับสื่อมวลชนแทบทั้งหมดที่เอียงข้างหยุดประเทศไม่ให้มีการเลือกตั้งเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน
คุณสมชัยเป็นสัญลักษณ์ของความเอียงส่วนบุคคลที่ทำให้ความเอียงของระบบรุนแรงขึ้น ยุคสมัยของคุณสมชัยเป็นยุคสมัยที่องค์กรอิสระบอกว่าทุกอย่างที่รัฐบาลจากการเลือกตั้งทำนั้นผิด ส่วนข้อเรียกร้องของฝ่ายทำลายรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่าง กปปส, กลุ่ม 40 ส.ว. รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ถูกตลอดเวลา
ภายใต้ความเอียงของระบบที่ทำให้ประเทศถอยหลังจนปัจจุบัน องค์กรอิสระส่วนใหญ่ถูกผู้มีอำนาจยุคนี้แทรกแซงอย่างต่อเนื่อง ระดับการแทรกแซงมีตั้งแต่โละทิ้งในกรณีกรรมการสิทธิ กำหนดคุณสมบัติใหม่แล้วเอาออกเฉพาะคนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ใหม่อย่าง กกต. หรือส่งลูกน้องคุณประวิตรไปเป็นประธาน ป.ป.ช.
สำหรับรัฐบาลนี้ คนในองค์กรอิสระที่เอาใจรัฐบาลไปหมดยังไม่พอ เพราะรัฐบาลนี้ทำให้เกิดรัฐธรรมนูญที่องค์กรอิสระมีอำนาจล้มรัฐบาลได้มากกว่ารัฐธรรมนูญของกลุ่มรัฐประหารชุดที่แล้ว และการมีคนของตัวเองคุมองค์กรเหล่านี้โดยตรงดีกว่าการมีคนพร้อมอวยซึ่งอาจเปลี่ยนตามทางลมการเมืองที่เปลี่ยนไป
ความต้องการคุมองค์กรอิสระแบบนี้ทำให้รัฐบาลเผชิญหน้ากับบุคลากรในองค์กรอิสระ ต่อให้คนเหล่านั้นพร้อมอวยหรือเคยเป็นนั่งร้านให้รัฐบาล รวมทั้งทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนของรัฐบาลกับองค์กรอิสระ หรือแม้แต่เปิดทางให้คนที่มีความขัดแย้งส่วนบุคคลฉวยโอกาสเล่นงานกัน
อย่าลืมว่าขณะที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญชุดนายมีชัยเปิดทางให้รัฐบาลแทรกแซง กกต. โดยตั้งคุณสมบัติใหม่เพื่อคัดเฉพาะคนที่คุณสมบัติผ่าน สภานิติบัญญัติแห่งชาติแก้เรื่องนี้เป็นการโละ กกต. ชุดนี้ทิ้งทั้งชุดแล้วหาชุดใหม่ตามรัฐธรรมนูญใหม่ทันที
ไม่ว่าคนจะจดจำคุณสมชัยเรื่องการทำให้การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 เป็นโมฆะอย่างไร การปลดคุณสมชัยด้วยคำสั่ง คสช. คือสัญญาณอันตรายของการเลื่อนเลือกตั้งและการคุมองค์กรอิสระภายใต้รัฐธรรมนูญและการสรรหาที่รัฐบาลเกี่ยวข้องทั้งทางตรงหรือทางอ้อม และทั้งหมดไม่ใช่เส้นทางสู่การสร้างประเทศที่ดี
ไพ่ใบเก่าปลิดปลิวตามสถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนไป ประเทศไทยไม่เสียหายจากการไม่มีคุณสมชัย แต่อำนาจที่โยนคุณสมชัยทิ้งแบบนี้อันตรายกับประเทศแน่ๆ เพราะเป็นอำนาจที่เห็นทุกคนเป็นคู่ขัดแย้ง ไม่เว้นแม้แต่คนเคยร่วมทำประเทศนี้เอียงจนไม่เหลือหลักมาด้วยกัน