อดีต กกต. สมชัย นัดแฉ คสช. พรุ่งนี้ เผยเป็นเรื่องสำคัญ จนเป็นเหตุให้ถูกปลด

ความเคลื่อนไหวต่างๆ ทางการเมืองร้อนแรงต่อเนื่อง หลังหลายฝ่ายเริ่มนับถอยหลังสู่การเลือกตั้งช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ตามที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้ลั่นวาจาไว้

“พูดเยอะจนเป็นอุปสรรคต่อการจัดการเลือกตั้ง”

คือหนึ่งในเหตุผลหลักของการใช้อำนาจตาม ม.44 สั่งปลด นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกจากตำแหน่ง โดยมีผลตั้งแต่เย็นวันอังคารที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา

ล่าสุดวันนี้ (22 มี.ค.) นายสมชัยได้โพสต์เฟซบุ๊กอธิบายถึงการคาดการณ์ทางการเมืองในอดีตของตนที่ผ่านมา 6 เรื่อง พร้อมตั้งคำถามว่า ‘การคาดการณ์ของอดีต กกต. สมชัย เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือก่อให้เกิดความสับสนต่อสังคม’

นอกจากนี้นายสมชัยยังระบุด้วยว่า พรุ่งนี้ (23 มี.ค.) ตนจะอธิบายในเรื่องที่ 7 ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนยังไม่ได้พูด และอาจเป็นเหตุให้ คสช. หวั่นไหว จนต้องออกคำสั่ง ม.44 ให้ตนพ้นจากหน้าที่

ข้อความจากเฟซบุ๊ก Srisutthiyakorn Somchai

การอธิบายและการคาดการณ์ของ อดีต กกต. สมชัย เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือก่อให้เกิดความสับสนต่อสังคม

1. ก่อนการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ผมได้บอกกับรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ว่า หากเดินหน้าจัดการเลือกตั้งทั้งๆ ที่ 28 เขตไม่สามารถรับสมัครได้ ท้ายสุดการเลือกตั้งจะเป็นโมฆะ

ผล. ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ เนื่องจากเป็นการจัดการเลือกตั้งที่ขัดรัฐธรรมนูญ คือ ไม่ใช่วันเดียวกันทั้งประเทศ

2. ฝ่ายรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ต้องการให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ส่วนที่เหลือ และการเลือกตั้ง ส.ว. ในวันเดียวกัน คือวันที่ 30 มีนาคม 2557 แต่ กกต. ไม่เห็นด้วย เห็นควรเลือก ส.ว. อย่างเดียว การเลือก ส.ว. จึงจะประสบความสำเร็จ

ผล. การเลือกตั้ง ส.ว. ในวันที่ 30 มีนาคม 2557 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

3. หัวหน้า คสช. ตั้งคำถามต่อประชาชนว่า คสช. มีสิทธิสนับสนุนพรรคการเมืองหรือไม่

ผล. ผมได้ให้คำตอบต่อสาธารณะว่า หาก คสช. หมายถึงตัวบุคคล ย่อมสนับสนุนพรรคใดก็ได้ แต่หาก คสช. เป็นองค์กรที่เป็นหลักในกลไกการบริหารประเทศ การสนับสนุนพรรคการเมืองอาจไม่เหมาะสม

4. ผมให้ข้อเท็จจริงว่าการเลือก กกต. จากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ไม่เป็นไปตามกฎหมาย คือ ไม่เป็นการลงคะแนนโดยเปิดเผย

ผล. สนช. ลงมติไม่รับรองชื่อ กกต. 7 ท่าน ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาต้องมีการคัดเลือกใหม่โดยยอมแก้ไขข้อบังคับการประชุมให้เป็นการลงคะแนนโดยเปิดเผย และผู้ผ่านการคัดเลือก 2 คนเดิม ยังสมัครในรอบนี้อีกแปลว่า เห็นว่า สนช. มิได้ลงคะแนนไม่รับจากคุณสมบัติ แต่เป็นกังวลในเรื่องกระบวนการลงคะแนนที่ขัดกับกฎหมาย

5. ผมคาดการณ์ว่าหาก สนช. เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พ.ร.ป. ส.ส. โรดแมปจะเคลื่อนออก 2 เดือน

ผล. รองนายกวิษณุ ประธาน สนช. และวิป สนช. สมชาย แสวงการ ออกมาให้สัมภาษณ์ตรงกันว่า หากยื่น พ.ร.ป. ส.ส. ต่อศาลรัฐธรรมนูญ โรดแมปจะเคลื่อน 2-3 เดือน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้ายืนยันว่าโรดแมปไม่เคลื่อน

6. ผมคาดการณ์ว่า หาก สนช. มีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญในประเด็น พ.ร.ป. ส.ว. โรดแมปจะเคลื่อน 0-6 เดือน กล่าวคือ ในกรณีที่ศาลมีคำวินิจฉัยโดยเร็วและไม่เป็นการแก้ไขในสาระสำคัญ สามารถเสร็จในช่วงเวลาไม่เกิน 90 วัน โรดแมปจะไม่เคลื่อน แต่หากศาลชี้ว่าประเด็นที่ขัดหรือแย้งเป็นสาระสำคัญของ พ.ร.ป. จะทำให้ พ.ร.ป. ดังกล่าวตกไป ต้องเริ่มกระบวนการยกร่างใหม่ ใช้เวลารวมประมาณหกเดือน โดยผมให้นำ้หนักต่อแบบไม่เคลื่อนมากกว่าเคลื่อน

ผล. มีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว ต้องรอดูผลว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต

ตัวอย่าง 6 เรื่องที่ผมอธิบายและคาดการณ์ต่อสังคม กลายเป็นเรื่องที่เป็นจริง 5 เรื่อง ส่วนเรื่องที่ 6 ต้องรอดูว่าจะเกิดผลอย่างไร ทั้งหมดหากใครว่าสับสน คนว่าคงสับสน

พรุ่งนี้ผมจะเล่าให้ฟังว่า การอธิบายในเรื่องที่ 7 เรื่องใดที่ผมยังไม่ได้พูด และอาจเป็นเหตุให้ คสช. หวั่นไหว จนต้องออกคำสั่ง ม.44 ให้ผมพ้นจากหน้าที่ รอคำทำนายที่ 7 !!!

อ้างอิง: