จากข้อมูลรายงานสถานการณ์การบริหารเงินลงทุนกองทุนประกันสังคม ณ สิ้นปี 2567 (วันที่ 31 ธันวาคม) กองทุนประกันสังคม มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการมูลค่า 2,657,245 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง 71.58% มูลค่า 1,902,066 ล้านบาท และอีก 28.42% ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงจำพวกหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ หรือกอง REITs เป็นต้น มูลค่า 755,179 ล้านบาท
โดยพอร์ตประกันสังคมมูลค่า 2,657,245 ล้านบาท ก็ยังแบ่งอีกรูปแบบหนึ่งได้ เป็นการลงทุนในหลักทรัพย์ในประเทศ 67.74% (1,800,064 ล้านบาท) และหลักทรัพย์ต่างประเทศ 32.26% (857,181 ล้านบาท)
และจากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า ในพอร์ตกองทุนประกันสังคมที่ลงทุนในหลักทรัพย์ภายในประเทศมูลค่า 1,800,064 ล้านบาท มีการถือครองหุ้นไทยเกือบ 100 หลักทรัพย์ มูลค่าราว 200,000 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ จะกระจุกตัวอยู่ในบริษัทที่มีขนาดใหญ่และมูลค่ามากที่สุดในตลาดหุ้นไทยเป็นหลัก
ซึ่งหุ้นเหล่านี้เป็นหุ้นที่อยู่ในพอร์ตการลงทุนของประกันสังคมมาหลายปี และหากไปติดตามราคาหุ้นของบริษัทเหล่านี้จะพบว่า จาก 15 บริษัท มีถึง 13 บริษัทที่ให้ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) ติดลบ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าที่หายไปมากกว่า 8,900 ล้านบาท หากกองทุนยังคงถือครองอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
เป็นผลมาจากสภาพตลาดหุ้นไทยที่อยู่ในภาวะตลาดหมีนานกว่า 3 ปี ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่โตต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน แนวโน้มเงินทุนไหลออกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประธานกรรมการประกันสังคมมองว่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไปโดยไม่ปรับกลยุทธ์การลงทุน กองทุนประกันสังคมมีแนวโน้มที่จะกลายเป็น Set Zero คือเงินที่รับเข้ามา 100 ก็จะออกไป 100 อย่างแน่นอน
ดังนั้นในประกาศล่าสุด ณ สิ้นปี 2567 สำนักงานประกันสังคมจะปรับกลยุทธ์การลงทุนตั้งแต่ปี 2568-2570 เป็นลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็น 60% และสินทรัพย์มั่นคงลดลงเหลือ 40% พร้อมตั้งเป้าที่จะสร้างผลตอบแทนกลับมา โดยการขยายไปลงทุนในตลาดต่างประเทศอย่างหุ้นสหรัฐฯ ยุโรป หรือญี่ปุ่น มากขึ้น
ภาพประกอบ: ธิดามาศ เขียวเหลือ
