Semiconductor Manufacturing International Corporation (SMIC) ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของจีน ไม่ใส่ใจอัตราภาษีชิป 100% จากสหรัฐฯ อีกต่อไป หลังคาดว่าอุปสงค์ในจีนยังคงแข็งแกร่งต่อไป
Zhao Haijun ซีอีโอของ SMIC กล่าวระหว่างการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ว่า “อุปสงค์ยังคงสูงกว่ากำลังการผลิตของเราในตอนนี้ ซึ่งหากอุปสงค์มีการเติบโตที่ชะลอตัวลงไปบ้างในอนาคต ก็จะไม่มีผลกระทบต่ออัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilisation Rate) ของเราอย่างมีนัยสำคัญ”
พร้อมกล่าวว่า SMIC ได้ช่วยให้บริษัทคู่ค้าสามารถตุนสินค้าคงคลังสำหรับ 3 ไตรมาสแรกของปีได้ในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งคาดว่าคำสั่งซื้อและยอดการส่งออกจะชะลอตัวลงในไตรมาส 4 เพราะเป็นช่วงพักของอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ SMIC ยังพึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ ต่ำมาก โดย Zhao Haijun ระบุว่า มาตรการภาษีของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อบริษัทคู่ค้าที่อยู่ต่างประเทศไม่ถึง 10% เท่านั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า SMIC มีความเชื่อมั่นต่อโครงสร้างตลาดในปัจจุบันอย่างมาก
โดยยอดขายในจีนของ SMIC ครองสัดส่วนสูงถึง 84.1% ของยอดขายในไตรมาส 2 ขณะที่ส่วนแบ่งจากอเมริกามีเพียง 12.9% ของรายได้ ลดลงจากระดับ 16% เมื่อเทียบกับปีก่อน
SMIC มีรายได้ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 2,210 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16.2% YoY จากระดับ 1,900 ล้านดอลลาร์ในปีก่อน แต่ต่ำกว่าไตรมาสก่อนที่ 2,250 ล้านดอลลาร์
กำไรสุทธิของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 132.5 ล้านดอลลาร์ ลดลง 19.5% YoY จากระดับ 164.6 ล้านดอลลาร์ในปีก่อน และยังลดลง 29.5% QoQ จากระดับ 188 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสก่อนหน้าอีกด้วย
การจัดส่งเวเฟอร์ เมื่อคำนวณด้วยหน่วยมาตรฐานขนาด 8 นิ้วเทียบเท่า แตะระดับ 2.4 ล้านแผ่นในเดือนมิถุนายน โดยมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 92.5% ขณะที่กำลังการผลิตต่อเดือนอยู่ที่ 991,250 แผ่นเวเฟอร์
หุ้น SMIC ที่จดทะเบียนในตลาดฮ่องกงปิดตลาดวันศุกร์ร่วงลง 8.19% สู่ระดับ 48.66 ดอลลาร์ฮ่องกง
อย่างไรก็ดี ผู้ผลิตชิปคาดว่ารายได้จะเติบโต 5-7% ในไตรมาส 3 ขับเคลื่อนโดยปริมาณการจัดส่งที่มากขึ้น และราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น โดยกำไรขั้นต้น (Gross Profit) คาดว่าจะอยู่ในช่วง 18-20%
Zhao Haijun กล่าวว่า อุปสงค์จะยังคงแข็งแกร่งต่อไปจนถึงเดือนตุลาคมเป็นอย่างน้อย ซึ่งเป็นการเติบโตแบบยั่งยืน โดยชี้ว่า กำลังการผลิตบางส่วนถูกสำรองไว้สำหรับการวิจัยและพัฒนา (R&D) ซึ่งหมายความว่า อัตราการใช้กำลังการผลิตจะไม่สูงกว่า 95%
นอกจากนี้ SMIC ยังไม่ได้สอบถามบริษัทคู่ค้าต่อแผนเรียกเก็บภาษีชิปนำเข้า 100% จากสหรัฐฯ
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐวางแผนยกเว้นภาษีให้กับบริษัทที่มีการผลิต หรือวางแผนลงทุนตั้งโรงงานในสหรัฐฯ ซึ่งได้แก่ บริษัทเทครายใหญ่อย่าง Nvidia, Taiwan Semiconductor Manufacturing Co, Samsung Electronics, SK Hynix, Micron Technology และ Apple ซึ่งให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ เป็นมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์
ด้าน Hua Hong Semiconductor บริษัทรับจ้างผลิตชิป (Foundry) เบอร์ 2 ของจีนรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม โดยมีรายได้อยู่ที่ 566.1 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 18.3% YoY จากระดับ 478.5 ล้านดอลลาร์ในปีก่อน มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 19.2% YoY จากระดับ 6.7 ล้านดอลลาร์ในปีก่อน
ทั้งนี้ หุ้น Hua Hong Semiconductor ที่จดทะเบียนในตลาดฮ่องกงปิดตลาดวันศุกร์ร่วงลง 1.74% สู่ระดับ 44 ดอลลาร์ฮ่องกง
อ้างอิง:
