บทความชิ้นนี้ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน #NotAFinancialAdvice #DoYourOwnResearch
ปัจจุบัน (เดือนธันวาคม 2023) Binance Global มี Active User กว่า 166 ล้านคน อะไรทำให้คนกล้าลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีจนมูลค่าตลาดขยายทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (CoinMarketCap)
เรื่องแรกคงจะไม่พ้นความน่าเชื่อถือของระบบที่ใช้ Decentralized Blockchain มาดูแลเครือข่ายเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ทว่าอีกเหตุผลหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กันคือความสามารถของ Smart Contract ที่ทำให้คนที่ไม่รู้จักกันและอยู่คนละประเทศกล้าทำรายการต่างๆ ระหว่างกันในรูปแบบต่างๆ
ภาพ: coinmarketcap.com
Smart Contract คือการเขียน Coding บนระบบ Blockchain แบบ Opensource เพื่อให้ผู้ใช้ระบบ Blockchain สามารถทำรายการต่างๆ เช่น การแลกเปลี่ยนเหรียญ (Trading), การฝากเหรียญ (Staking), การกู้ยืมเหรียญ (Lending), การเสริมสภาพคล่องให้เหรียญ (Liquidity Pool) ไปจนถึงการสร้าง NFT และการสร้างโลกเสมือนจริง (Metaverse)
*โปรดศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับศัพท์เฉพาะต่างๆ ผ่าน www.coinmarketcap.com/academy/glossary
สัญญา Smart Contract มีความน่าเชื่อถือ เพราะทำงานอยู่ในระบบ Decentralized Blockchain และประโยชน์ของมันคือการที่ข้อกำหนดทั้งหมดของสัญญาจะต้องเกิดขึ้นพร้อมกัน ไม่เช่นนั้น Smart Contract จะไม่ทำงาน นี่เป็นปัจจัยที่สำคัญมาก เพราะเมื่อเราทำรายการแลกเปลี่ยนสินค้าหรือเหรียญต่างๆ สิ่งที่เรากลัวที่สุดคือการจ่ายสิ่งตอบแทนไปแล้วไม่ได้อะไรกลับมา
หากเราต้องการซื้อ Bitcoin ตัว Smart Contract จะทำให้เราตรวจสอบได้ (จริงๆ แล้วผู้ตรวจสอบคือผู้ใช้งานคนอื่นๆ ที่มีความรู้ และบริษัทตรวจสอบ Code ชื่อดังต่างๆ ในโลกคริปโต) ว่า 1. Bitcoin นั้นเป็นเหรียญที่ถูกต้อง 2. ผู้ขายมีเหรียญอยู่จริงๆ 3. เมื่อเราโอนจ่ายแล้วจะได้รับ Bitcoin ตามที่เราควรจะได้ หากองค์ประกอบทั้งหมดไม่ตรงตามที่ควรจะเป็น ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยใดๆ ตัว Smart Contract จะไม่ทำงานและทำให้เราไม่ถูกหลอก
ในตอนนี้ข้อจำกัดที่ Crypto Community พยายามปรับปรุงและพัฒนาจะเป็นในส่วนของ
- Digital Wallet ที่ยังมีความยากในการเปิดใช้งานและเก็บรักษา
- Blockchain Improvement เช่น ค่าบริการ (Gas Fee), ความเร็วในการทำรายการ, ปริมาณรายการที่รับได้
- Security ในส่วนของระบบ Blockchain ว่า Code ที่ใช้อยู่มีช่องโหว่ใดๆ หรือไม่
ระบบ Smart Contract ใน Decentralized Blockchain นั้นต่างจากระบบ Centralized Crypto Exchange และระบบธนาคารโดยสิ้นเชิง เพราะไม่มีระบบกลาง ดังนั้นหากคุณกำลังเทรดเหรียญใน Crypto Exchange จงรู้ไว้ด้วยว่าคุณไม่ได้กำลังใช้ Smart Contract ในการเทรด แต่คุณกำลังใช้ระบบตัวกลางอยู่ ซึ่งสามารถเกิดความผิดพลาดได้ และผู้ควบคุมระบบสามารถทำอะไรกับเหรียญต่างๆ ที่คุณถืออยู่ได้ เช่น เปลี่ยนจำนวนเงิน อายัดเงิน นำเหรียญคุณไปค้ำประกันกู้เงินและลงทุนต่อยอด และแม้แต่ย้อนรายการต่างๆ ที่คุณเทรด ดังที่ปรากฏในข่าวมากมายเกี่ยวกับ Crypto Exchange ทุจริตและธุรกิจล่มสลาย
ทั้งนี้ ใช่ว่า Crypto Exchange จะเป็นสิ่งที่เลวร้ายไปหมด เราแค่ต้องศึกษาให้รอบคอบก่อนลงทุน จริงๆ แล้ว Crypto Exchange ก็มีข้อดีมากมาย เช่น
- ความสะดวกสบายในการใช้งาน User Experience / User Interface
- ค่าดำเนินการและความเร็วในการเทรดที่อาจสูงกว่า
- ความง่ายในการเก็บเหรียญ เพราะไม่ต้องใช้ Digital Wallet และหากเกิดปัญหาใดๆ เราก็สามารถเอาผิด Exchange ได้ โดยเฉพาะ Exchange ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงาน ก.ล.ต.
อย่างไรก็ตาม หากคุณลงทุนในเหรียญคริปโต เช่น Bitcoin, Ethereum, BNB สิ่งที่คุณต้องการจะเห็นคือการเติบโตของการทำรายการในเครือข่าย Blockchain เหล่านั้น ยิ่งมีผู้ใช้งานมากขึ้น (Active User) Network Effect ก็จะส่งผลต่อมูลค่าเหรียญเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้นักพัฒนาระบบสนใจเครือข่ายของเหรียญมากขึ้น เกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ มาส่งเสริมระบบได้ หากคุณแค่เทรดเหรียญบน Crypto Exchange สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นั้นจะไม่ส่งผลอะไรเลยต่อมูลค่าของเหรียญ เปรียบเสมือนคุณซื้อหุ้นบริษัทน้ำมัน แต่ไม่ไปเติมน้ำมันในปั๊ม เพราะคุณใช้แต่รถไฟฟ้านั่นเอง
ติดตามข่าวสารได้ที่ Brook Digital Asset
Facebook: https://www.facebook.com/BrookDigitalAsset
X (Twitter): https://twitter.com/BrookerGroupPLC