×

SMR – โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก: กลยุทย์ความท้าทายและลมหายใจของพลังงานนิวเคลียร์

08.12.2025
  • LOADING...

ทำไมต้อง SMR?

 

จากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลก ทำให้หลายประเทศตระหนักถึงความจำเป็นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความมั่นคงทางพลังงานในระยะยาว จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด หรือ พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยการจำกัดการใช้งานเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ถือ เป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเสริมความมั่นคงทางพลังงานเพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าพลังงานหมุนเวียนซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสะอาดที่หาได้ตามธรรมชาติ เช่น แสงอาทิตย์ ลม น้ำ ความร้อนใต้พิภพ  และสามารถที่จะกักเก็บพลังงานในแบตเตอรี่ได้ แต่แหล่งพลังงานหมุนเวียนเหล่านี้ ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของความไม่เสถียรภาพในการผลิตพลังงาน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ฤดูกาล และเวลา ที่ไม่สามารถคาดเดาได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้การใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่มาช่วยกักเก็บพลังงานก็มีต้นทุนสูงมากหากต้องสำรองไฟฟ้าเป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวัน เนื่องจากการผลิตแบตเตอรี่ต้องใช้แร่หายาก เช่น ลิเธียม หรือ โคบอลต์ ดังนั้นถึงแม้ว่าพลังงานหมุนเวียนจะเป็นส่วนสำคัญของการลดคาร์บอน แต่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องมีการผสมผสานกับแหล่งพลังงานอื่นๆ ที่มีความเสถียรภาพมากกว่า เช่น พลังงานนิวเคลียร์ เพื่อให้ระบบไฟฟ้ามีความมั่นคงและต้นทุนเหมาะสม

 

ในหลายทศวรรษที่ผ่านมา พลังงานนิวเคลียร์ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ทั้งในการทหาร อุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ และการศึกษาวิจัย  ปัจจุบันโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก หรือ Small Modular Reactor หรือเรียกสั้นๆว่า SMR ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตน้อยกว่า 300 MWe เป็นที่ถูกกล่าวถึงอย่างมาก โดยเฉพาะในแง่มุมของการใช้ประโยชน์ที่มีความหลากหลายภายใต้ระบบความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีวิศวกรรมระดับสูง โดยการพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก SMR ได้ถอดบทเรียนจากบทเรียนมาจากอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ในเชิงพาณิชย์ หรือ Nuclear Power Plant (NPP) ในอดีตที่ผ่านมา ของประเทศที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีได้แก่ 

  • โรงไฟฟ้าทรีไมล์ไอส์แลนด์ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ปี ค.ศ. 1979 
  • โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล ของสหภาพโซเวียต (ปัจจุบันคือประเทศยูเครน) ปี ค.ศ. 1986  และ
  • โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะไดอิจิ ของประเทศญี่ปุ่น ปี ค.ศ. 2011 

 

ความผิดพลาดในการเดินเครื่อง และความผิดพลาดระบบความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นนั้น ถือเป็นความท้าทายของประเทศที่ต้องการจะเป็นเจ้าของเทคโนโลยีในการเอาชนะข้อจำกัดหรือความผิดพลาดในอดีตเพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำของเจ้าของเทคโนโลยีนิวเคลียร์โลก  ดังนั้น SMR จึงกลายเป็นอีกหนึ่งตัวแปรทางเทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และกลยุทธ์ที่สำคัญที่ทำให้หลายๆประเทศ ได้หันกลับมาพัฒนาเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กให้มีความปลอดภัยที่สูงขึ้น ซึ่งถึงแม้ว่าโรงไฟฟ้า SMR จะศูนย์เสียการส่งไฟฟ้าจากภายนอก เช่น กรณีอุบัติเหตุของโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะไดอิจิ เครื่องปฏิกรณ์ SMR นั้นก็ได้ถูกออกแบบให้สามารถหยุดการทำงานและระบายความร้อนได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องมีการควบคุมจากผู้ปฏิบัติงาน นอกจากนี้ โรงไฟฟ้า SMR ยังได้รองรับการออกแบบในการประยุกต์งานร่วมกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วยประโยชน์ที่หลากหลาย รวมไปถึงยังช่วยสร้างโอกาสการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศผู้เล่นใหม่ที่ไม่เคยมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มาก่อน 

 

การควบคุมปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเพื่อความปลอดภัยเชิงวิศวกรรมของ SMR 

  

NuScale Power Module, USA

 

เนื่องจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก SMR ได้ถูกออกแบบให้มีขนาดเล็กลงกะทัดรัดกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่โดยทั่วไป และสามารถที่จะควบรวมระบบผลิตไอน้ำและระบบวิศวกรรมความปลอดภัยแบบพาสซีฟ (Passive Safety) ให้อยู่ในโมดูลเดียวกันได้ โดยการผลิต SMR ในแต่ละโมดูลสามารถผลิตแบบแยกส่วนในโรงงานซึ่งช่วยควบคุมคุณภาพได้ดีกว่าและลดระยะเวลาและต้นทุนในการก่อสร้างหน้างาน เพื่อรองรับการติดตั้งหลายเครื่องในพื้นที่เดียวกัน และยังมีความยืดหยุ่นในการติดตั้งใต้ดินหรือใต้น้ำในพื้นที่หรือเกาะห่างไกล ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหวหรือสึนามิ  อีกทั้งยังสามารถถอดหรือรื้อถอนโมดูลถอนได้อย่างสะดวกเมื่อต้องการเปลี่ยนโมดูลหลังหมดอายุการใช้งาน ซึ่งถือเป็นการลดภาระในการจัดการของเสียและการฟื้นฟูพื้นที่

 

ในส่วนของระบบวิศวกรรมความปลอดภัยแบบพาสซีฟ (Passive Safety) ถือเป็นระบบความปลอดภัยที่มีความก้าวหน้าขั้นสูงที่มีจุดเด่น คือ เมื่อเกิดความผิดปกติของระบบ เครื่องปฏิกรณ์ SMR จะสามารถจัดการอุบัติเหตุได้ด้วยตนเองได้โดยอาศัยปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น แรงโน้มถ่วง การพาความร้อนตามธรรมชาติ  และ แรงดันไอน้ำ เพื่อช่วยให้ระบบสามารถระบายความร้อนจากแกนเครื่องปฏิกรณ์ได้โดยไม่ต้องใช้ปั๊มหรือไฟฟ้า ซึ่งเป็นการลดการพึ่งพาระบบความปลอดภัยแบบแอคทีฟ (Active Safety) ในการบรรเทาอุบัติเหตุจากภายนอกซึ่งมีความเสี่ยงที่สูงกว่า

 

SMR ทางเลือกใหม่ของพลังงานทดแทน

 

Example of Nuclear-renewable Hybrid Energy System

 

จากแนวคิดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้แหล่งเชื้อเพลิงที่ปล่อยคาร์บอนต่ำตามเป้าหมาย Net Zero ทำให้เทคโนโลยี SMR กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการการผสมผสานพลังงานนิวเคลียร์และพลังงานหมุนเวียนเข้าด้วยกัน หรือที่เรียกว่า Nuclear-Renewable Hybrid Energy System โดยมีจุดประสงค์หลักคือ การสร้างเสถียรภาพ ของระบบไฟฟ้า เนื่องจาก พลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์และลม ถึงแม้ว่าพลังงานหมุนเวียนจะมีต้นทุนต่ำแต่ก็มีการผลิตพลังงานที่ไม่สม่ำเสมอซึ่งขึ้นกับปัจจัยทางธรรมชาติ ดังนั้นการผสมผสานพลังงานนิวเคลียร์ จาก SMR จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการช่วยลดผลกระทบจากความไม่ต่อเนื่องของพลังงานหมุนเวียน เนื่องด้วยพลังงานนิวเคลียร์มีความเสถียรภาพในการผลิตพลังงานที่สูง และยังสามารถผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่องโดยไม่มีการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากปฏิกิริยานิวเคลียร์

 

แนวทางการประยุกต์ใช้ SMR ในอุตสาหกรรม

 

Outlet Temperatures Range of SMR-integrated industrial processes

 

ในบริบทของอุตสาหกรรมการผลิตความร้อนเป็นสิ่งจำเป็นในการกลั่น การแยกสาร หรือการทำปฏิกิริยาเคมี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมหนัก เช่น ปิโตรเคมี  โดยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก SMR ประเภท Light Water Reactor (LWR) เช่น NuScale ประเทศสหรัฐอเมริกา มีศักยภาพของในการผลิตพลังงานไฟฟ้าและความร้อนร่วม (co-generation) เพื่อใช้ในการการผลิตน้ำจืดจากกระบวนการแยกเกลือออกจากน้ำทะเล (Desalination) ในช่วงอุณหภูมิสูงกว่า 80-200°C ซึ่งเหมาะสำหรับพื้นที่ติดทะเลหรือเกาะห่างไกลที่มีปัญหาขาดแคลนน้ำจืด  ในขณะที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก SMR รุ่นใหม่ เช่น เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบแก๊สอุณหภูมิสูง High-Temperature Gas-cooled Reactor (HTGR) หรือ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบเกลือหลอมเหลว Molten Salt Reactor (MSR) สามารถผลิตไอน้ำแรงดันสูงและอุณหภูมิสูงกว่า 700°C ซึ่งเหมาะสมกับอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมัน การผลิตไฮโดรเจน การแปรรูปน้ำมันดิบ และการสังเคราะห์เคมี ซึ่งในปัจจุบันเครื่องปฏิกรณ์แบบ Pebble-bed HTGR หรือ HTR-PM ของประเทศจีนเริ่มทดสอบการเดินเครื่องแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2023 ซึ่งถือเป็นต้นแบบของ Generation IV Reactor ที่เน้นความปลอดภัยสูงและการใช้งานในอุตสาหกรรม โดยประเทศจีนได้มีแผนขยายเป็น 10 ยูนิต ในอนาคต เพื่อรองรับความต้องการพลังงานและความร้อนในอุตสาหกรรม และนำร่องไปสู่การขยายตลาดในประเทศ อื่นๆ

 

Reactor Vessel of HTR-PM, China

 

ในปัจจุบัน สหรัฐอเมริกามีธุรกิจสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) ที่มีบทบาทสำคัญหลายราย เช่น 

  • กลุ่มบริษัท NuScale Power ได้พัฒนา SMR แบบน้ำเบา LWR และได้รับการรับรองจาก U.S. Nuclear Regulatory Commission (U.S. NRC) เป็นรายแรก มีโครงการในสหรัฐฯ และยุโรป 
  • กลุ่มบริษัท TerraPower ได้พัฒนาเครื่องปฏิกรณ์ Natrium ที่ใช้โซเดียมระบายความร้อนและระบบกักเก็บพลังงาน ซึ่งสนับสนุนโดย Bill Gates 
  • กลุ่มบริษัท X-energy ได้พัฒนาเครื่องปฏิกรณ์แก๊สอุณหภูมิสูง Xe-100 ใช้เชื้อเพลิง TRISO เหมาะสำหรับอุตสาหกรรม 
  • กลุ่มบริษัท Kairos Power ได้พัฒนาเทคโนโลยีเกลือฟลูออไรด์ระบายความร้อน มีแผนเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ภายในปี ค.ศ. 2030 
  • กลุ่มบริษัท Oklo ได้พัฒนาไมโครรีแอคเตอร์สำหรับพื้นที่ห่างไกล ฐานทัพ และดาต้าเซ็นเตอร์

 

นอกจากนี้ บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐฯ เช่น Amazon, Google และ Microsoft ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ ทั้งในด้านการลงทุนและการทำสัญญาซื้อไฟฟ้าจาก SMR เพื่อรองรับความต้องการพลังงานสะอาดสำหรับ ดาต้าเซ็นเตอร์และระบบ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ซึ่งต้องการไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องและปลอดคาร์บอน

 

ความเคลื่อนไหวของ SMR ในประเทศไทย

 

19 IAEA Nuclear Infrastructure Issues

 

ประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งประเทศในภูมิภาคอาเซียนที่ถือเป็นผู้เล่นใหม่สำหรับพลังงานนิวเคลียร์ โดยแนวทางการสร้าง SMR ในประเทศไทยนั้น ได้มีแผนที่จะบรรจุอยู่ในร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP2024) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก SMR ประเภท Light Water Reactor จำนวน 2 โรง ขนาดโรงละ 300 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้ในช่วงปี ค.ศ. 2037 ทั้งนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้เริ่มดำเนินการการศึกษาเบื้องต้น (Pre-feasibility Study) เพื่อคัดเลือกพื้นที่ศักยภาพ การศึกษาเทคโนโลยี SMR ที่เหมาะสม การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร รวมไปถึงการประสานความร่วมมือประเทศเจ้าของเทคโนโลยี ปัจจุบันประเทศไทยได้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมองค์ประกอบคณะกรรมการเพื่อเตรียมการศึกษาความเหมาะสมของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ หรือ Nuclear Energy Program Implementing Organization (NEPIO) ซึ่งถือเป็นก้าวที่สำคัญในการร่วมกันวางแผนการดำเนินโครงการ SMR ตามกระบวนการอนุญาตตามมาตรฐานสากลของ International Atomic Energy Agency (IAEA) และมาตรฐานการกำกับดูแลของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) เพื่อเตรียมการใน 19 ประเด็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับโครงการพลังงานนิวเคลียร์ หรือ Nuclear Infrastructure Issues เช่น ความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ กรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การจัดการของเสียกัมมันตรังสี และการมีส่วนร่วมของภาคอุตสาหกรรมในประเทศ เป็นต้น

 

Compact Molten Salt Reactor (CMSR), Denmark

 

ในส่วนของภาคเอกชนของประเทศไทย Global Power Synergy Public Company Limited (GPSC) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่ม ปตท. ได้มีแผนการศึกษาการประยุกต์ใช้ปฏิกรณ์นิวเคลียร์รุ่นที่ 4 (Generation IV) เช่น HTGR และ MSR อยู่ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมพลังงานสะอาดยุคใหม่ที่จะช่วยยกระดับศักยภาพการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม เพื่อฝ่ากำแพงคาร์บอนเครดิตเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม Net Zero Emissions และยังเป็นการต้นทุนจากการซื้อคาร์บอนเครดิตในตลาดโลก ซึ่งในปี ค.ศ. 2024 บริษัท GPSC ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) กับ Seaborg Technologies ของประเทศเดนมาร์ก หรือ บริษัท Saltfoss Energy ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผู้พัฒนา Compact Molten Salt Reactor (CMSR) เพื่อที่จะศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน โดยการศึกษาของ GPSC ดังกล่าวถือเป็นมิติใหม่ของประเทศไทยในการการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในอนาคต

 

อย่างไรก็แล้วแต่การเกิดขึ้นของเทคโนโลยี SMR จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือ ในทุกๆภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงหน่วยงานจากต่างประเทศ ความเข้าใจในเรื่องของเทคโนโลยีความปลอดภัยและความเสี่ยง การจัดการกากกัมมันตรังสีและเชื้อเพลิงใช้แล้ว การยอมรับของประชาชน และการตอบแทนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ที่ต้องอาศัยการสะสมประสบการณ์และผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขาเพื่อร่วมกันผลักดัน ดังนั้น หน่วยงานสนับสนุนทางเทคนิค หรือ Technical Support Organization (TSO) จึงมีบทบาทสำคัญในการร่วมกันส่งเสริม กำลังคน ในด้านการวิจัยและพัฒนา การอบรมและให้ความรู้ จนไปถึงการให้ข้อมูลทางเทคนิคในเรื่องของความปลอดภัยและความเสี่ยงแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในประเทศไทย สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) ภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยที่ศึกษาด้านวิศวกรรม อื่นๆ ถือเป็นหน่วยงาน TSO หลัก ที่จะเข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก SMR เพื่อสานต่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทยได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน 

 

Reference

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising