วันนี้ (29 สิงหาคม) ศิริโชค โสภา อดีต สส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กเปิดเผยว่า ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แล้ว พร้อมระบุข้อความช่วงหนึ่งว่า เริ่มชีวิตการเป็นนักการเมืองโดยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกเมื่อปี 2544 และได้รับการเลือกตั้งต่อเนื่องอีก 4 สมัย แม้ว่าจะเป็นฝ่ายค้านเป็นส่วนใหญ่ก็ตาม แต่ก็ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และได้มีส่วนร่วมกับทีมประชาธิปัตย์ทุกครั้งที่เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ศิริโชคยังระบุว่า ขอบคุณบุคคลที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จที่ช่วยกันต่อสู้ในสภา ตนไม่เคยลืมบุญคุณบุคคลเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคประชาธิปัตย์ และพี่น้องประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 7 จังหวัดสงขลา ที่ให้โอกาสในการทำงานเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี
“ผมไม่เคยคิดว่าวันนี้จะมาถึง เพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปีที่ผมเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ผมคิดเสมอว่าที่นี่คือบ้านเดียวและบ้านหลังสุดท้ายของผม แต่เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบันมีอุดมการณ์ที่ต่างไปจากพรรคประชาธิปัตย์ในอดีตเป็นอย่างมาก ผมจึงมีความจำใจต้องเดินจากไป แม้จะมีความอาลัยอาวรณ์ต่อพรรคมากก็ตาม เพราะผมเชื่อเสมอว่านักการเมืองต้องมีสัจจะวาจาและอุดมการณ์ที่ต้องรักษา หากปราศจากทั้งสองสิ่งนี้ก็เป็นได้แค่นักเลือกตั้ง” ศิริโชคระบุ
ศิริโชคระบุด้วยว่า “ผมจำต้องยื่นหนังสือลาออกจากพรรคที่ผมรักและเทิดทูนที่สุดทั้งน้ำตา แต่ผมก็ยังหวัง แม้จะเป็นความหวังอันน้อยๆ ว่าสักวันพรรคประชาธิปัตย์จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งพร้อมกับอุดมการณ์ที่มั่นคง และเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้ แล้วผมจะเฝ้ารอดูครับ”
ต่อมาศิริโชคได้ไปยื่นใบแสดงเจตจำนงลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่สามารถมองข้ามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาได้ว่าพรรคก่อตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร เชื่อว่าสมาชิกพรรคก็คงรู้สึกไม่สบายใจและผิดหวัง
ศิริโชคกล่าวว่า จะเห็นได้ชัดว่าในพื้นที่ภาคใต้ไม่มี สส. พรรคเพื่อไทยอยู่เลย มาวันนี้เราที่ด่าเขามาโดยตลอดแต่กลับไปจับมือกับเขา จะตอบประชาชนอย่างไร แต่ตนก็เข้าใจว่าผู้บริหารพรรคที่ได้เลือกเข้ามาก็จะต้องทำในทิศทางของเขา ซึ่งต่างกับตน จึงเลือกที่จะออกมาดีกว่า แต่ไม่ทราบว่าจะมีคนลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์อีกหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้มีคนลาออกจำนวนมาก และเราคิดว่าจะต้องไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองได้มากกว่านี้
ส่วนอยากจะฝากอะไรกับกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่กำลังจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ ศิริโชคกล่าวว่า ตนอยากให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขาเชื่ออย่างเต็มที่ เพราะสุดท้ายผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวชี้วัดว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกหรือผิด ต้องเปิดโอกาสให้ผู้บริหารได้ทำงานอย่างเต็มที่ และเมื่อนั้นก็จะเห็นว่าผลลัพธ์มันคืออะไร
