จ่านิว หรือ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ แกนนำกลุ่ม Start Up People ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวหอกจัดกิจกรรม ‘นัดรวมพลประชาชนอยากเลือกตั้ง แสดงพลังต้านสืบทอดอำนาจ คสช.’ เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่บริเวณสกายวอล์ก แยกปทุมวัน ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายเรียกแนวร่วมเพิ่มอีก 32 คน รวมเป็น 39 คน หลังจากเคยออกหมายเรียกแกนนำมาแล้วก่อนหน้านี้ 7 คน ว่า
รู้สึกคาดไม่ถึง ที่เจ้าหน้าที่จะออกหมายเรียกประชาชนเพิ่มมากขนาดนี้ และยังมีแนวคิดที่จะเรียกเพิ่มเติมอีก ทั้งๆ ที่ได้ออกหมายเรียกแกนนำไปก่อนหน้านี้ โดยส่วนตัวคิดว่า หลายคนที่มาในวันดังกล่าวล้วนมีเจตนาดีต่อประเทศชาติ บางคนอาจแค่ผ่านมาเพื่อสังเกตการณ์ แต่เจ้าหน้าที่ก็หว่านแหออกหมายเรียกให้เป็นผู้ต้องหาทั้งหมด
“เท่าที่ได้พูดคุยกันหลายคนก็มีกำลังใจดี หลายคนก็งง แต่ไม่ได้ตกใจอะไรกัน เพราะคิดว่าเจ้าหน้าที่ก็ใช้กฎหมายตรงนี้ เป็นเครื่องมือที่พยายามจะปิดกั้น สร้างความกลัวให้กับเรา ก็เพราะเขาหวาดกลัวประชาชน ไม่ต้องการให้มีการเคลื่อนไหวกดดัน หวังไม่ให้จัดการชุมนุมแบบนี้ต่อเนื่อง แต่ยืนยันว่าจะเดินหน้าทำในสิ่งที่ประชาชนต้องการต่อไป”
นายสิรวิชญ์ เปิดเผยอีกว่า การดำเนินคดีกับประชาชนในคราวเดียวกัน เป็น 100 คนน่าจะถือว่าเป็นครั้งแรกๆ ในยุค คสช. เพราะที่ผ่านมาก็มีแต่การดำเนินคดีกับแกนนำ และเป็นการดำเนินการที่ค่อนข้างจะรวดเร็ว
ส่วนข้อหาที่ทั้ง 39 คน ถูกออกหมายเรียกคือ ความผิดฐานร่วมกันชุมนุมในรัศมี 150 เมตรจากเขตพระราชฐานตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พุทธศักราช 2558 มาตรา 7 วรรคแรก
ประเด็นนี้ นายสิรวิชญ์ มองว่า เป็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ ส่วนการตีความกฎหมายก็ต้องว่ากันไปตามขั้นตอน แต่ยืนยันว่าไม่ได้ทำในสิ่งที่ผิด และมารดาของตนก็ถูกออกหมายเรียกพร้อมกันด้วย ซึ่งก็หวังว่าเจ้าหน้าที่จะไม่นำไปปนกับคดีอื่นๆ พร้อมบอกด้วยว่ามารดาของตนมีกำลังใจเข้มแข็งดี
สำหรับในวันนี้ ได้มีการนัดหมายแนวร่วม 39 คนที่ถูกเจ้าหน้าที่ออกหมายเรียก ให้มาหารือร่วมกันเพื่อวางแนวทางการต่อสู้คดี โดยจะมีบางส่วนที่จะเดินทางไปพบตำรวจตามหมายเรียกในวันพรุ่งนี้ สำหรับนายสิรวิชญ์ จะไม่เดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ในวันพรุ่งนี้ (2 ก.พ.) เนื่องจากมีภารกิจที่ได้นัดหมายไว้ก่อนหน้านี้แล้ว จะให้ทนายดำเนินการต่อไป