เศรษฐกิจไม่ดี คนออกไปสังสรรค์น้อยลง ทุบยอดขายสุราร่วง ไม่โตเหมือนตลาดเบียร์ ฉุดยอดตลาดโซดาตกตามไปด้วย ด้านสิงห์โซดาผู้นำตลาดไม่หวั่น เดินหน้าคอลลาบอเรชัน Harley-Davidson สร้างความเคลื่อนไหวใหม่ ก่อนย้ำว่าต้องรักษามาร์เก็ตแชร์ที่ถืออยู่กว่า 92% ไว้ให้ได้
“ต้องยอมรับว่าปัจจัยเศรษฐกิจมีส่วนทำให้คนเข้าร้านไปบริโภคสุราน้อยลง ซึ่งก็กระทบตลาดโซดาลดลงประมาณ 3-5% เนื่องจากการดื่มสุราส่วนใหญ่จะผสมกับโซดาและดื่มในร้าน ขณะเดียวกันเมื่อคนกลุ่มนี้เปลี่ยนมาดื่มที่บ้านมากขึ้น ด้วยการหันไปดื่มแอลกอฮอล์ประเภทอื่นอย่างเบียร์ เพราะมีงบ 60 บาทก็สามารถซื้อดื่มคนเดียวได้ ไม่เหมือนกับสุราที่จะต้องดื่มกันเป็นกลุ่มเพื่อน สิ่งเหล่านี้มีส่วนทำให้ปีนี้ตลาดเบียร์โตขึ้น” ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล Chief Marketing Officer บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด กล่าว
ถึงวันนี้สิงห์โซดาถือส่วนแบ่งในตลาดโซดาอยู่ที่ 92% จากมูลค่าตลาดประมาณ 1.5-2 หมื่นล้านบาท แม้แบรนด์จะอยู่ในตลาดมานาน แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาเลย จะเห็นว่าที่ผ่านมามีผู้เล่นรายใหม่กระโดดเข้ามาอยู่บ่อยครั้ง และส่วนใหญ่จะเน้นขายในราคาที่เข้าถึงง่าย ซึ่งในอดีตราคาอาจมีผลในการตัดสินใจซื้อ แต่ปัจจุบันลูกค้ายอมจ่ายเพื่อให้ได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
พร้อมย้ำว่า ไม่หวังจะโตไปมากกว่านี้ แต่ต้องพยายามรักษาส่วนแบ่งที่มีให้ได้ ซึ่งจะต้องไม่ต่ำกว่า 90% โดยสิ่งที่สิงห์โซดาทำมาตลอดคือการสร้างแบรนด์ และสร้างรูปแบบการบริโภคใหม่ๆ ที่ไม่ใช่แค่การนำไปผสมกับสุรา
โดยเสนอให้นำโซดาไปผสมกับเครื่องดื่มประเภทต่างๆ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้ตลาดมีการเติบโตเพิ่มขึ้น เพราะการบริโภคที่ต้องพึ่งพาการเติบโตจากกลุ่มสุราก็มีความท้าทายอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น
อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สิงห์โซดาทำมาตลอดคือ ทำคอลลาบอเรชันกับแบรนด์อื่นๆ เพื่อสร้างความเคลื่อนไหวในตลาด เริ่มตั้งแต่การดึง Mister Cartoon ศิลปินช่างสักระดับโลกมาสร้างผลงานลงบนฉลากลิมิเต็ด ถือว่าได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี
กระทั่งล่าสุดจับมือกับ Harley-Davidson แบรนด์ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์สัญชาติอเมริกัน เปิดตัวแคมเปญซ่าให้สุดทาง โดยนำจุดแข็งของทั้งสองแบรนด์มารวมกัน และสร้างความแตกต่างด้วยการออกฉลากลิมิเต็ดเอดิชัน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมในทุกภูมิภาคอย่างต่อเนื่องจนถึงปลายปี โดยใช้งบการตลาดอยู่ที่ 100 ล้านบาทต่อปี
ธิติพรกล่าวต่อไปว่า การคอลลาบอเรชันกับ Harley-Davidson ถือเป็นการร่วมมือกับโกลบอลแบรนด์ครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ที่เคยทำมา เพราะใช้เวลาพูดคุยกันกว่า 3 ปี
“ต้องบอกว่าเวลาที่เราเลือกคอลลาบอเรชันกับแบรนด์ ต้องพิจารณาจากความอยู่มานาน เป็นโปรดักต์พรีเมียมและตั้งใจสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ หรือจะเรียกได้ว่าทั้งสองแบรนด์ต้องเสริมภาพลักษณ์ให้กันและกันได้”
สะท้อนให้เห็นว่าการไม่หยุดนิ่งของแบรนด์ที่ทำการตลาดต่อเนื่องมานานหลายปี จนทำให้แบรนด์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี