ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะ Stagflation ที่เงินเฟ้อพุ่งสูง สวนทางกับเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงจะชะลอลงในกลุ่มตลาดพัฒนาแล้ว อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสิงคโปร์กลับเป็นตลาดสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการวิ่งขึ้นสวนทางประเทศอื่นๆ
ดัชนี Straits Times ปรับขึ้น 1% ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆ ในตลาดพัฒนาแล้วปรับตัวลงโดยเฉลี่ย 22% ส่วนหนึ่งเกิดจากแรงกดดันของเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และการที่ตลาดส่วนใหญ่ดิ่งลงเฉลี่ย 22% นับเป็นการดิ่งลงแรงที่สุดตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2008
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ส่อง 9 หุ้นในพอร์ต กองทุนสิงคโปร์ GIC PRIVATE LIMITED มูลค่าเกือบ 4 หมื่นล้านบาท
- ‘นิวยอร์ก’ ยังรั้งเบอร์ 1 เมืองศูนย์กลางการเงินโลก สิงคโปร์แซงหน้าฮ่องกงขึ้นอันดับ 3 ส่วน ‘ไทย’ ตกไปอยู่ที่ 61
- เจาะ 10 หุ้นมาร์เก็ตแคป เกิน 1 แสนล้าน ราคาร่วงแรงมากสุดนับจากต้นปี 2565
ขณะที่หุ้นสิงคโปร์ในปีนี้ได้อานิสงส์จากการที่บรรยากาศการลงทุนเปลี่ยนโหมดจากหุ้นเติบโตมาสู่หุ้นที่มูลค่าถูก ขณะเดียวกันยังได้แรงหนุนจากการที่เศรษฐกิจสิงคโปร์ฟื้นตัวจากโควิด
Alan Richardson ผู้จัดการพอร์ตลงทุนของ Samsung Asset Management กล่าวว่า “ผลตอบแทนของหุ้นสิงคโปร์ปีนี้สอดคล้องกับการที่หุ้นกลุ่ม Value กลับมาโดดเด่นกว่ากลุ่ม Growth ซึ่งน่าจะเป็นเช่นนี้ต่อไปหากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังคงต้องการกดเงินเฟ้อให้ต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาว”
ขณะที่ประมาณการกำไรของหุ้นสิงคโปร์ปีนี้ถูกปรับเพิ่มขึ้น 16% ถือเป็นการปรับขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศอื่นๆ ในกลุ่มตลาดพัฒนาแล้วถึง 4 เท่าตัว อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสิงคโปร์ยังคงมีความเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง หลังจากตัวเลขเกี่ยวกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนกันยายนลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2020 ขณะที่ยอดค้าปลีกก็ชะลอตัวลง
สำหรับหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้โดดเด่นของสิงคโปร์ในปีนี้ ได้แก่ Jardine Cycle & Carriage Ltd. ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ ปรับตัวขึ้น 72% ตามมาด้วย Sembcorp Industries บริษัทด้านสาธารณูปโภค เพิ่มขึ้น 53% ส่วนหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในตลาดอย่าง DBS Group Holdings ปรับขึ้น 2.3%
อ้างอิง: