สิงคโปร์เตรียมเปิดให้เดินทางเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่าหนึ่งปีในเดือนกันยายนนี้ หลังคาดว่าสัดส่วนประชากรที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มจะแตะระดับ 80% ซึ่งเป็นระดับที่จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในเดือนดังกล่าว
ลอว์เรนซ์ หว่อง รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสิงคโปร์ เปิดเผยถึงแผนการดังกล่าวในที่ประชุมรัฐสภาวานนี้ (26 กรกฎาคม) โดยระบุว่า การฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ของสิงคโปร์แล้วจะส่งผลให้สิงคโปร์สามารถผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดและเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น ซึ่งรวมถึงการเปิดให้คนที่ได้รับวัคซีนแล้วสามารถรวมกลุ่มใหญ่และเข้าออกประเทศโดยไม่ต้องกักตัว 14 วันได้
“หลายประเทศตั้งเงื่อนไขการเปิดพรมแดนว่าจำนวนผู้ติดเชื้อหรือผู้เสียชีวิตจะต้องลดลงถึงระดับที่กำหนดไว้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่สิงคโปร์อยากทำ เราไม่จำเป็นต้องรอให้ทุกคนฉีดวัคซีนครบก่อนแล้วจึงเปิดการเดินทาง เพราะนั่นจะทำให้ไทม์ไลน์การฟื้นตัวของเราล่าช้าออกไป” หว่องกล่าว
ปัจจุบัน 75% ของประชากรสิงคโปร์จำนวน 5 ล้านคนได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส ขณะที่ 50% ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว โดยสิงค์โปร์มีเป้าหมายให้ประชากร 2 ใน 3 ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสภายในเดือนสิงหาคม และเพิ่มขึ้นเป็น 80% ในเดือนกันยายน
“เมื่อตัวเลขคนที่ได้รับวัคซีนในประเทศถึงจุดเป้าหมายของเรา สิงคโปร์จะเปิดให้มีการเดินทางข้ามพรมแดนโดยไม่ต้องกักตัว 14 วันในโรงแรมสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว แต่ยังคงต้องผ่านการตรวจเชื้อจากทางการเมื่อเดินทางเข้าสู่ประเทศ” หว่องกล่าว
ท่าทีที่ผ่อนคลายขึ้นของรัฐบาลสิงคโปร์ต่อสถานการณ์โควิดในประเทศ ส่งผลให้หุ้นของ Singapore Airlines และการท่าอากาศยานปรับตัวสูงขึ้น โดยหุ้น SIA ปรับขึ้น 2.2% ขณะที่ SATS ปรับขึ้น 2.3% แม้ว่าดัชนี STI จะปรับตัวลดลงก็ตาม
อ้างอิง: