ยอดขายสินค้าลักชัวรี ใน สิงคโปร์ อาจจะเพิ่มขึ้นถึง 7% จากปีที่แล้ว เป็น 13.9 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 3.53 แสนล้านบาทในปีนี้ จากการรายงานของ Bloomberg ซึ่งแซงหน้าการเติบโตของประเทศญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ที่นับเป็นศูนย์กลางแห่งการช้อปปิ้งในเอเชีย จากจำนวนเศรษฐีหลักล้านอยู่มากกว่า 240,000 คนจากประชากรทั้งหมดประมาณ 5.8 ล้านคน และรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี รวมไปถึงการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและรีเทล
โดยการเติบโตของตลาดสิงคโปร์จากปีที่แล้วสู่ปีนี้ ก็ได้พุ่งแซงประเทศอื่นๆ ในเอเชียทั้งหมด เป็นรองเพียงประเทศญี่ปุ่น จากการรายงานของ Bloomberg by Euromonitor International และยังมีการคาดว่า ตลาดสิงคโปร์จะเติบโตมากขึ้นอีกในปีหน้าใกล้เคียงกับตัวเลข 14.7 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 3.73 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนปี 2019 หรือจำนวนที่สูงที่สุดของประเทศในช่วงโควิดที่ผ่านมา
และด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ยอดการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวก็ได้พุ่งสูงถึง 3.9 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายนของปีที่แล้ว ซึ่งเมื่อเทียบเป็นรายปีแล้ว ก็มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 5% สิงคโปร์จึงกลายเป็นเป้าหมายหลักของแบรนด์ลักชัวรีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังเป็นประเทศที่เปิดร้านค้าลักชัวรีมากที่สุดเป็นอันดับสามในปีที่แล้ว จาก 32 เมืองในเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมจีนแผ่นดินใหญ่) โดยแบรนด์อย่าง Moncler และ Cartier ก็ต่างได้เปิดร้านใหม่ในสนามบินชางงีในช่วงต้นปีที่แล้ว ส่วนห้างสรรพสินค้าอย่าง The Shoppes ของ Marina Bay Sands ก็ยังเป็นจุดสำคัญ ในการเปิดร้านแห่งแรกของแบรนด์ Marni เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
เท่านั้นยังไม่พอ แบรนด์ต่างๆ จึงได้พยายามสร้างประสบการณ์ที่พิเศษให้กับลูกค้าระดับไฮเอนด์ อย่างแบรนด์ Coach ที่ได้เปิดบาร์แห่งแรกที่ช็อป Coach Play Shophouse ซึ่งเสิร์ฟมาร์ตินี่ที่สามารถคัสตอมไมซ์ได้ตามใจชอบ หรือ Audemars Piguet ที่ได้เปิด AP Cafe ภายในร้านบูติก เพื่อเสิร์ฟอาหารสวิส-สิงคโปร์
และแม้ว่าสิงคโปร์จะมีเศรษฐีมากถึง 4% ของประชากรทั้งหมด แต่ก็ยังมีช่องว่างของความมั่งคั่งกับบุคคลที่เหลือ จึงทำให้รัฐบาลสร้างนโยบายเพื่อลดช่องว่างเหล่านี้ โดยการเพิ่มภาษีสำหรับคนรวย แต่อย่างไรก็ตาม ความพยายามนี้ก็อาจเพิ่มความเสี่ยง ในการผลักให้เศรษฐีจำนวนหนึ่ง ย้ายไปอยู่ประเทศที่มีภาษีต่ำอย่างประเทศดูไบแทนได้
ภาพ: Getty Images
อ้างอิง: