ในฐานะที่สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางทางการเงินมาอยู่แต่เดิม และปัจจุบันได้เล็งเห็นการเติบโตของหนึ่งอุตสาหกรรมที่เป็นไปอย่างรวดเร็วนั่นก็คือ คริปโตเคอร์เรนซี สิงคโปร์จึงมีเป้าหมายถัดไปที่จะเป็นศูนย์กลางทางด้านคริปโตฯ ที่สามารถผนวกเข้ากับภาคเศรษฐกิจและการเงินของโลกอีกด้วยเช่นเดียวกัน
รวี เมนอน ผู้จัดการด้านการเงินของสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore: MAS) กล่าวว่า ขั้นตอนสำหรับการรับมือกับการเกิดขึ้นของคริปโตฯ ไม่ใช่การแบนหรือกำจัดมัน หากแต่เป็นการกำกับดูแลที่เข้มงวด เพื่อให้บางบริษัทที่สามารถทำตามและจัดการกับความเสี่ยงบนคริปโตฯ ได้ สามารถนำคริปโตฯ ไปใช้ได้
ในแต่ละประเทศค่อนข้างหลากหลายต่อการรับมือกับอุตสาหกรรมใหม่นี้ (คริปโตฯ) อย่างเช่น ประเทศจีนที่ออกมาเคลื่อนไหวอย่างเข้มงวดในเดือนก่อน หรือในประเทศญี่ปุ่นที่แสดงท่าทีที่ต่างออกไปที่อนุมัติให้มีการซื้อ-ขาย และมีกองทุนที่เกี่ยวข้องกับคริปโตฯ
หรือแม้แต่ในบางประเทศที่มีความทะยานในอุตสาหกรรมคริปโตฯ เช่นเดียวกัน อย่างเอลซัลวาดอร์ที่อนุญาตให้คริปโตฯ สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย (Legal Tender) หรือหากมาดูในมุมของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ก็ได้อนุมัติกองทุน ETF คริปโตฯ ไปเช่นเดียวกัน
ในขณะที่เมนอนก็มองว่า คริปโตฯ ยังเป็นการลงทุนที่มองไปที่อนาคตที่อาจจะยังไม่มีความชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม การไม่เข้าร่วมเกมนี้ดูจะเป็นความเสี่ยงกว่า และอาจทำให้สิงคโปร์ถูกทิ้งไว้ข้างหลังได้ ดังนั้นการเข้าร่วมแม้จะยังมีความไม่แน่นอนสูง แต่การร่วมเร็วจะทำให้สิงคโปร์สามารถจัดการความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น
กระนั้น หากเข้าร่วมไปกับอุตสาหกรรมคริปโตฯ สิงคโปร์ในฐานะที่เป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางด้านการเงินของโลก ก็จำเป็นต้องเข้าไปเพิ่มนโยบายการกำกับดูแลกับความเสี่ยงด้านเงินสีเทาเช่นเดียวกัน
ซึ่งการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของสิงคโปร์และดำเนินการด้านใบอนุญาตไปตั้งแต่เดือนมกราคม 2020 ก็ทำให้ดึงดูดบริษัทด้านคริปโตฯ อย่าง Binance Holding Ltd แพลตฟอร์มการเทรดคริปโตฯ ชื่อดัง มาตั้งสำนักงานในประเทศ และขอใบอนุญาตในการทำธุรกิจ (MAS License) นอกจากนี้ยังมีบริษัทอื่นๆ ตามมาอีกถึง 170 บริษัทที่กำลังขอใบอนุญาต
ถึงอย่างนั้น เมนอนก็ตั้งมาตรฐานในการให้ใบอนุญาตผู้ประกอบการใดๆ ค่อนข้างสูง และระบุว่า “เราไม่ได้ต้องการผู้ประกอบการทั้งหมดให้เข้ามาดำเนินการเพียงครึ่งเดียว แต่มีคุณภาพก็เพียงพอ”
ท้ายที่สุด เมนอนเผยว่า “เรา (สิงค์โปร์) กำลังสนใจกับการเติบโตของคริปโตฯ, บล็อกเชน, สมาร์ทคอนแท็ก และการเตรียมตัวให้พร้อมสู่โลกของ Web 3.0 ในฐานะยุคที่ 3 ของโลกออนไลน์ ซึ่งจะนำไปสู่การจ้างงานและเสริมคุณค่าเพิ่มเติมในบางอุตสาหกรรมนอกเหนือจากภาคการเงินอย่างแน่นอน”
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP