ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน หลังจากปีนี้ผ่อนคลายนโยบายการเงินครั้งแรกไปแล้วในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีขยายตัวเพียง 3.8% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ว่าจะอยู่ที่ 4.3% และยังต่ำกว่าไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 ที่เคยเติบโต 5%
อีกทั้งจะชะลออัตราการแข็งค่าของกรอบค่าเงินตามนโยบาย S$NEER เพื่อไม่ให้กระทบการค้า แต่ยังไม่มีการเปิดเผยกรอบที่ชัดเจน แต่โดยปกติแล้ว MAS จะปรับนโยบายการเงินผ่านการกำหนดกรอบอัตราแลกเปลี่ยน 3 ด้าน คือ ความชัน (Slope), ค่ากลาง (Mid-Point) และความกว้าง (Width) ของกรอบอัตราแลกเปลี่ยน
พร้อมเตือนว่าการค้าโลกมีแนวโน้มจะชะลอตัวนานกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสิงคโปร์ทุกภาคส่วน โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะชะลอตัวลงตามสภาพเศรษฐกิจโลก
ด้านกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ (MTI) ระบุว่า เศรษฐกิจของสิงคโปร์ได้รับผลกระทบจากการหดตัวของภาคการผลิตและภาคบริการบางประเภท เช่น การเงินและประกันภัย ซึ่งมาจากความต้องการสินค้าทั่วโลกที่ลดลง ประกอบกับนักลงทุนทั่วโลกลดความเสี่ยงในการลงทุนมากขึ้น ส่งผลให้รายได้จากค่าธรรมเนียมของธุรกิจการเงินลดลงเช่นกัน
แน่นอนว่ามีผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจสิงคโปร์อย่างมาก เพราะภาคการผลิต การเงิน และประกันภัย ถือเป็นกลุ่มธุรกิจหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสิงคโปร์ ด้วยสัดส่วน 14-17% ของ GDP ตามลำดับ รวมถึงปัจจัยภายนอกอย่างการเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และความตึงเครียดจากสงครามการค้ากับจีนด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกันธนาคารกลางสิงคโปร์ประเมินว่า เงินเฟ้อในปี 2025 จะชะลอลง โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ในช่วง 0.5-1.5%
นักเศรษฐศาสตร์จากกลุ่มวิจัยของ Maybank กล่าวว่า การปรับลดนโยบายของ MAS สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลงและอัตราเงินเฟ้อที่ค่อนข้างต่ำ โดยคาดว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์จะชะลอตัวลงในไตรมาสถัดไป จากผลกระทบของนโยบายการเก็บภาษีของสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานในแถบเอเชีย
โดยสิงคโปร์ถูกเรียกเก็บภาษี 10% แม้ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับจีน แต่ในฐานะที่เป็นประเทศเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออก ดังนั้นความสำเร็จของสิงคโปร์จึงขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของประเทศคู่ค้า
ลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เตือนว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้จะได้รับผลกระทบอย่างมาก ถึงขั้นที่ว่าสิงคโปร์อาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้
แต่ Maybank แสดงความเห็นในทางตรงกันข้ามว่า แม้ว่าสิงคโปร์จะเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน แต่ยังไม่ถึงขั้นที่จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจหรือภาวะถดถอย โดยคาดการณ์ว่าในปี 2025 เศรษฐกิจสิงคโปร์จะเติบโตที่ 2.1% ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ใหม่ของกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม (MTI) ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 0-2%
อ้างอิง:
