ในระหว่างที่การสอบสวนยังดำเนินอยู่ จากกรณีเครื่องบินสายการบิน Singapore Airlines เที่ยวบิน SQ321 ตกหลุมอากาศรุนแรง และมีผู้เสียชีวิต 1 คน ก่อนลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินสุวรรณภูมินั้น ตอนนี้เรารู้อะไรแล้วบ้าง
เหตุเกิดบนน่านฟ้าเมียนมา
Flightradar24 เว็บไซต์ติดตามการบินทั่วโลก ให้ข้อมูลว่า การตกหลุมอากาศอย่างรุนแรงครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่เครื่องบินบินอยู่เหนือเมียนมาเมื่อเวลาประมาณ 14.49 น. วานนี้ (21 พฤษภาคม) ตามเวลาไทย
จากข้อมูลพบว่า เครื่องบินลำดังกล่าวลดระดับลงอย่างฉับพลันจากการตกหลุมอากาศกะทันหัน จากนั้นได้ไต่ระดับขึ้นไม่กี่ร้อยฟุต ก่อนลดระดับและไต่ระดับขึ้นอีกครั้ง กระทั่งกลับสู่เพดานบินที่ความสูงปกติ ซึ่งช่วงที่ประสบเหตุตกหลุมอากาศนั้นกินเวลาประมาณ 90 วินาที
ขณะที่ทางสายการบินออกแถลงการณ์ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า เครื่องบินตกหลุมอากาศขณะบินเหนือแม่น้ำอิรวดีที่ความสูงระดับ 37,000 ฟุต ซึ่งเกิดขึ้นราว 10 ชั่วโมงหลังบินจากลอนดอนเพื่อมุ่งหน้าไปสิงคโปร์
หลังตกหลุมอากาศแล้ว ข้อมูลจาก Flightradar24 แสดงให้เห็นว่า เครื่องบินได้เปลี่ยนเส้นทางใน 14 นาทีให้หลัง โดยที่นักบินได้แจ้งเหตุฉุกเฉินและเปลี่ยนเส้นทางการบินไปลงจอดฉุกเฉินที่กรุงเทพฯ
ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศให้ข้อมูลว่า ขณะเกิดเหตุนั้นมีพายุฝนฟ้าคะนองทางใต้ของเมียนมา ทำให้สภาพอากาศแปรปรวนและกระทบต่อการบิน
มีผู้เสียชีวิตเป็นชาวอังกฤษ
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 71 คน และเสียชีวิต 1 คน ชื่อ จีออฟ คิตเชน ชาวอังกฤษวัย 73 ปี ซึ่ง กิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ชายคนนี้อาจเสียชีวิตจากอาการหัวใจวาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังต้องรอการชันสูตรเพื่อยืนยัน
ส่วนผู้บาดเจ็บนั้นถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ซึ่งทางโรงพยาบาลเผยว่า ผู้บาดเจ็บมีทั้งพลเมืองจากมาเลเซีย, สหราชอาณาจักร, นิวซีแลนด์, สเปน, สหรัฐอเมริกา และไอร์แลนด์ โดยจากจำนวนผู้บาดเจ็บทั้ง 71 คนนั้น มี 6 คนที่บาดเจ็บรุนแรงหรือวิกฤต
ส่วนผู้โดยสารที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ทางสายการบินได้จัดเที่ยวบินพาผู้โดยสารจำนวน 131 คนจากทั้งหมด 211 คน เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปสิงคโปร์เมื่อคืนนี้
หลุมอากาศหลีกเลี่ยงได้ไหม เกิดจากปัญหาที่เครื่องบินหรือไม่
THE STANDARD สอบถาม อนาลโย กอสกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินจาก Thaiarmedforce.com ซึ่งให้ความเห็นว่า จากกรณีนี้นักบินและผู้ปฏิบัติงานบนพื้นดินทำงานตามขั้นตอนทุกอย่างได้เป็นอย่างดี
อนาลโยกล่าวว่า ถึงแม้เราจะมีเรดาร์ที่ตรวจสอบสภาพอากาศได้ แต่ยังไม่มีเทคโนโลยีที่สามารถตรวจจับหลุมอากาศได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่คาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้ และเมื่อดูข้อมูลจาก Flightradar24 พบว่า นักบินตัดสินใจได้ดีในการเปลี่ยนเส้นทางและนำเครื่องบินลงจอดอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือว่ารับมือได้ดี
เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนของสนามบินสุวรรณภูมิก็ปฏิบัติตามทุกขั้นตอนได้เป็นอย่างดี มีเจ้าหน้าที่สแตนด์บายพร้อมเมื่อตอนที่เครื่องบินแลนดิ้ง และมีการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
สำหรับอุบัติเหตุครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการทำงานของเครื่องบิน Boeing 777-300ER หรือไม่นั้น อนาลโยตอบว่า ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเครื่องบิน เพราะไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินรุ่นไหนทั้งของ Boeing หรือ Airbus เมื่อเจอสภาพอากาศแปรปรวนเช่นนี้ ก็มีโอกาสตกหลุมอากาศรุนแรงได้ทั้งสิ้น ถ้ามองกลับกัน การตกหลุมอากาศรุนแรงเช่นนี้ แต่ยังนำเครื่องลงจอดได้อย่างปลอดภัย ก็สะท้อนถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของเครื่องบินรุ่นนี้ได้เช่นกัน
อนาลโยแนะนำทิ้งท้ายว่า หลุมอากาศเป็นสิ่งที่เราคาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือรัดเข็มขัดตลอดเวลา แม้ว่าสัญญาณเตือนจะดับลงก็ตาม เพื่อความปลอดภัย
ภาพ: Reuters / Athit Perawongmetha, Elmurod Usubaliev / Anadolu via Getty Images
อ้างอิง:
