วันนี้ (25 กันยายน) สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ เข้าทำงานวันแรกที่กระทรวงการต่างประเทศหลังรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยช่วงเช้ามีการเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ก่อนจะเข้าพบข้าราชการ ทั้งผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานของกระทรวง ซึ่งถือเป็น Townhall ครั้งแรก โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
หลังประชุมกับข้าราชการกระทรวงแล้ว รัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนครั้งแรก ซึ่งมีการตอบคำถามเกี่ยวกับประเด็นไทย-กัมพูชา การเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นิวยอร์ก และเป้าหมายการทำงานด้านการต่างประเทศในกรอบเวลา 4 เดือนข้างหน้า
สีหศักดิ์เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในระหว่างประชุมกับข้าราชการ ตนได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กระทรวงทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันในช่วงที่ผ่านมา พร้อมให้นโยบายว่า การต่างประเทศของไทยในช่วง 4 เดือนหลังจากนี้ จะต้องเป็น 4 เดือนที่มีความหมาย โดยจะให้ความสำคัญกับการทูตที่คล่องตัวและครอบคลุมในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นมิติการต่างประเทศ ความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม โดยยึดผลประโยชน์ของไทยเป็นที่ตั้ง
ส่วนประเด็นกัมพูชานั้น รัฐมนตรีต่างประเทศย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความสงบบริเวณชายแดน ซึ่งถือเป็นผลประโยชน์ต่อทั้งไทยและกัมพูชา แต่การจะไปสู่จุดนั้นได้ ต้องเกิดจากความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย ซึ่งตนอยากเห็นสิ่งที่พูดคุยกัน โดยเฉพาะที่มีการตกลงกันในหลักการภายใต้กรอบของ GBC นั้นเกิดผลในทางปฏิบัติ ทั้งเรื่องของการหยุดยิงอย่างยั่งยืน การเก็บกวาดทุ่นระเบิด การถอนกำลังอาวุธหนักออกจากชายแดน และการกวาดล้างอาชญากรรมข้ามชายแดน
สีหศักดิ์ย้ำว่า เอกภาพการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ เป็นเรื่องที่สำคัญ บางครั้งการทูตต้องเสริมด้วยการทหาร และพอถึงจุดหนึ่ง การทหารก็ต้องมาเสริมการทูตเช่นกัน
รัฐมนตรีต่างประเทศเชื่อว่า แม้เราอาจไม่สามารถแก้ปัญหาชายแดนได้ทั้งหมดภายในกรอบเวลา 4 เดือน แต่ก็หวังว่าจะเห็นพัฒนาการในเชิงบวกและความคืบหน้าที่ดี โดยให้ 4 เดือนนี้วางรากฐานความสัมพันธ์กับกัมพูชาให้กลับสู่จุดที่ควรจะเป็น แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับความจริงใจในการแก้ปัญหาจากฝ่ายกัมพูชาด้วย
ส่วนประเด็นการเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) นั้น รัฐมนตรีต่างประเทศในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนของไทยหวังใช้เวทีนี้แสดงวิสัยทัศน์ถึงการกลับมามีบทบาทในเวทีโลกของไทย การนำการทูตไทยกลับสู่จอเรดาร์ และแสดงความเห็นต่อปัญหาต่างๆ ในทางสร้างสรรค์ ไม่ใช่แค่เรื่องใกล้ตัวเพียงอย่างเดียว แต่จะให้ความสำคัญกับประเด็นความมั่นคงอื่นๆ ของโลกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความมั่นคงในตะวันออกกลางและสงครามในยูเครน เป็นต้น
รัฐมนตรีต่างประเทศตอบคำถามช่วงท้ายด้วยว่า ช่วงนี้ยังไม่มีการติดต่อพูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ และจีน แต่ตนพร้อมที่จะพูดคุยกับทุกประเทศที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาค รวมถึงประเด็นในเมียนมาที่กำลังจะจัดการเลือกตั้งด้วย
ส่วนทิศทางความสัมพันธ์กับมหาอำนาจทั้งจีนและสหรัฐฯ ในช่วง 4 เดือนข้างหน้านี้ รัฐมนตรีต่างประเทศย้ำว่า ไทยจะมีความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์กับทุกมหาอำนาจ ซึ่งการวางตัวเป็นกลาง ไม่ได้หมายความว่าเราจะอยู่ตรงกลางเสมอไป แต่ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของไทยเป็นหลัก พร้อมทิ้งท้ายว่า ไทยให้ความสำคัญกับมหาอำนาจทุกประเทศ ไทยไม่เลือกข้าง แต่ก็ต้องยึดหลักการ มีจุดยืนที่ชัดเจน