มณฑลเสฉวนของจีนได้สั่งให้โรงงานทั้งหมดใน 19 เมือง ปิดทำการเป็นเวลา 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 15-19 สิงหาคมนี้ เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าในภูมิภาค หลังคลื่นความร้อนที่รุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปี ส่งผลให้ยอดการใช้งานพลังงานพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก จนเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาไฟดับเป็นวงกว้างในพื้นที่
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจีนเผชิญกับคลื่นความร้อนรุนแรง โดยอุณหภูมิทะยานขึ้นเหนือระดับ 40 องศาเซลเซียสในหลายเมือง อากาศที่ร้อนระอุส่งผลให้ยอดการใช้งานเครื่องปรับอากาศในสำนักงานและบ้านเรือนสูงขึ้นอย่างมาก สร้างแรงกดดันให้กับเครือข่ายการกระจายไฟฟ้าของเสฉวน ขณะเดียวกันภัยแล้งที่เกิดในภูมิภาคยังทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำลดลง ส่งผลให้ปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตในโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลายแห่งลดลงตามไปด้วย
มณฑลเสฉวนเผชิญกับคลื่นความร้อนรุนแรงและภัยแล้งมาตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยนับตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม คลื่นความร้อนในภูมิภาคได้ทวีความรุนแรงสูงที่สุดในรอบ 6 ทศวรรษ ขณะที่ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยลดลง 51% เทียบกับระดับของปีก่อนหน้า
นักวิเคราะห์ระบุว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นที่น่าจับตา เพราะเสฉวนเป็นฐานการผลิตสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งการปันส่วนพลังงานเพื่อลดการใช้ไฟฟ้าที่เกิดขึ้น จะส่งผลกระทบต่อโรงงานของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่หลายแห่ง รวมถึง Intel และ Foxconn ซัพพลายเออร์รายใหญ่ของ Apple นอกจากนี้เสฉวนยังเป็นศูนย์กลางการทำเหมืองลิเธียมของจีน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ฉะนั้นการปิดโรงงานชั่วคราวในครั้งนี้ยังอาจดันให้ต้นทุนราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้นอีกด้วย
อนึ่ง นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า สถานการณ์อากาศเปลี่ยนแปลงเฉียบพลัน (Extreme Weather) มีแนวโน้มเกิดถี่ขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นผลพวงจากวิกฤตโลกรวน โดยปัญหาเหล่านี้จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หากอุณหภูมิของโลกพุ่งสูงขึ้น
ภาพ: VCG / VCG via Getty Images
อ้างอิง: