กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เดินหน้าเกมรุกครั้งสำคัญ สร้างนิยามใหม่ให้กับโครงการศูนย์การค้าชั้นนำระดับเวิลด์คลาส ที่จะมาพลิกเกมธุรกิจด้วยการ Co-Create ร่วมกับลักชัวรีแบรนด์ในการ Curate สินค้าและบริการ เพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำในตลาด Luxury Retail ปักหมุดจุดปลายทางระดับโลก ที่รวบรวมความเพลิดเพลินของการใช้ชีวิตแบบลักชัวรีที่ครบครันที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ในปัจจุบันธุรกิจลักชัวรีต้องนำเสนอประสบการณ์หลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนในทุกเจเนอเรชันและทุกรูปแบบการใช้ชีวิต สยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหารโกลบอลเดสติเนชันอย่าง สยามพารากอน ไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ซึ่งเป็นเอาท์เล็ตลักชัวรีแห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดรวมกันสูงสุดในตลาด Luxury Retail ของประเทศไทย และยังคงยืนอยู่แถวหน้าเสมอในการปรับภูมิทัศน์ตลาดลักชัวรีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
แคโรไลน์ เมอร์ฟีย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการขายและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “แรงขับเคลื่อนที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสยามพิวรรธน์ให้อยู่แถวหน้าในตลาดลักชัวรีคือ ความเข้าใจเทรนด์ของโลก เข้าใจความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง และข้อกำหนดต่างๆ ของลักชัวรีแบรนด์ชั้นนำ สยามพิวรรธน์มีวิถีการทำงานแบบ Co-Create ร่วมกับร้านค้า เพื่อที่จะ Curate สินค้าและส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษและแตกต่างก่อนใคร เราจึงมีฐานลูกค้าที่ทรงพลังและมีความผูกพันต่อเรามาก รวมถึงความเชื่อมั่นและสัมพันธภาพที่สั่งสมมายาวนานกับลักชัวรีแบรนด์ทั้งหมด พวกเขามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมในศักยภาพของเราที่สามารถสร้างจุดหมายปลายทางระดับโลก และเป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้ทุกแบรนด์สามารถทำยอดขายสูงสุดในระดับภูมิภาค รวมทั้งบ่อยครั้งที่ติดอันดับสูงสุดระดับโลกด้วย”
สยามพารากอน แลนด์มาร์กระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ ถือเป็นหมุดหมายปลายทางที่ครองใจคนไทยและนักเดินทางจากทั่วโลกมานานเกือบ 2 ทศวรรษ ขณะที่อีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของสยามพิวรรธน์อย่าง ไอคอนสยาม แลนด์มาร์กระดับโลกริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งกำลังจะฉลองครบรอบ 5 ปีในปี 2566 ไม่ได้เป็นเพียงโครงการที่ได้พลิกเกมธุรกิจและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรีเทลเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางของลักชัวรีที่ไม่เหมือนใคร และเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองที่แผ่ขยายไปยังคอมมูนิตี้และธุรกิจโดยรอบ แม้จะมีปัจจัยท้าทายจากสถานการณ์โควิด-19
ไอคอนสยามสามารถฟันฝ่าอุปสรรคและประสบความสำเร็จในการยกระดับแม่น้ำเจ้าพระยา และเปลี่ยนพื้นที่ฝั่งธนบุรีให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำ และเป็นย่านธุรกิจที่มีการเติบโตสูงที่สุดในกรุงเทพฯ ในวันนี้ไอคอนสยามเดินหน้าไปสู่บทบาทใหม่ที่ตื่นตาตื่นใจ ด้วยการขยายพื้นที่โซนลักชัวรีอีกเท่าตัว เพื่อครองความเป็นผู้นำในตลาด เป็นแหล่งช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์ดังระดับโลกที่ผู้คนทั่วโลกต้องมาเยือน
แคโรไลน์เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของการทำงานร่วมกับแบรนด์หรูระดับโลกมากมาย จนทำให้สยามพารากอนและไอคอนสยามเป็นจุดหมายปลายทางของลักชัวรีแบรนด์ และ ทิพาณัท เลณบุรี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขายและธุรกิจสัมพันธ์ ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการบริหารการตลาดกลุ่มสินค้าลักชัวรีมายาวนานกว่า 20 ปี เข้ามาเสริมทัพสร้างความแข็งแกร่งให้กับทีม
ทิพาณัทกล่าวว่า “สยามพิวรรธน์เป็นผู้พัฒนาตลาดลักชัวรีที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในประเทศไทย ทั้งสยามพารากอนและไอคอนสยามยังคงเป็นจุดหมายปลายทาง ซึ่งเป็นที่ต้องการของทุกลักชัวรีแบรนด์ระดับโลก ในเดือนตุลาคม 2566 มีการเปิดพื้นที่โซน Luxe Hall ที่สยามพารากอน ซึ่งจะโชว์เคสร้านลักชัวรีแบรนด์เปิดใหม่ถึง 20 แบรนด์ รวมทั้งแบรนด์ที่เพิ่งเปิดร้านใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Loro Piana แบรนด์แฟชั่นเรียบหรูจากประเทศอิตาลี เปิดบูติกแห่งแรกในประเทศไทยที่สยามพารากอน, แฟชั่นแบรนด์เนมยอดนิยมอย่าง Louis Vuitton และ Fendi เปิดบูติกสำหรับผู้ชายแห่งแรกในประเทศไทย ไปจนถึงนาฬิกาแบรนด์หรูตั้งแต่ Vacheron Constantin, Jaeger-LeCoultre , IWC, Panerai, Piaget, Chopard และ Franck Muller ล้วนเปิดบูติกแฟลกชิปสโตร์แบบเอ็กซ์คลูซีฟที่สยามพารากอน”
The New World of Luxury
สยามพารากอนได้ทรานส์ฟอร์มสู่การเป็น The New World of Luxury เสริมศักยภาพเพื่อให้สามารถส่งมอบประสบการณ์หลากหลายที่ตรงใจผู้มาเยือน พร้อมสร้างคอมมูนิตี้ที่สมบูรณ์แบบของพลเมืองโลก (Global Citizens) เพื่อก้าวไปสู่อีกขั้นของความสมบูรณ์แบบที่จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตแห่งโลกอนาคต สยามพารากอนได้พัฒนาคอนเซปต์ที่แปลกใหม่หลายรูปแบบ เพื่อนำมาใช้เป็นครั้งแรกในเมืองไทยและครั้งแรกของโลก
“การรีโนเวตครั้งนี้ สยามพารากอนตั้งใจที่จะขยายทั้งความกว้างและความลึกของลักชัวรีให้ไปสู่ระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในภูมิภาคนี้ เพื่อดึงดูดกลุ่มคอมมูนิตี้ใหม่ๆ ของลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่จะเป็นแฟนคลับประจำของจุดหมายปลายทางสุดพิเศษแห่งนี้” แคโรไลน์กล่าวเสริม
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา สยามพารากอนได้เปิดพื้นที่สาธารณะ รับฟังไอเดียของลูกค้าผ่าน Wall of Wonders ที่เป็น Interactive Wall เพื่อสอบถามถึงรูปแบบความแปลกใหม่ที่ลูกค้าต้องการ แล้วนำความคิดเห็นนั้นมารังสรรค์พื้นที่ต่างๆ ให้มีความหลากหลายและตรงใจของผู้คนในแต่ละคอมมูนิตี้ อีกทั้งยังนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อที่จะรู้เท่าทันเทรนด์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เติมเต็มความต้องการในไลฟ์สไตล์ต่างๆ ของลูกค้า และส่งมอบประสบการณ์เหนือความคาดหมายอย่างแท้จริง
“ทุกคนจะร่วมสร้างนิยามใหม่อีกระดับของที่สุดแห่งความล้ำเลิศร่วมกับผู้ประกอบการหลายราย ซึ่งได้เคยสร้างปรากฏการณ์เปิดแฟลกชิปสโตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงมาแล้ว ใน Next Level เราก็จะรังสรรค์ Iconic Store ที่ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นของความสมบูรณ์แบบที่สุดหนึ่งเดียว และเป็นมาตรฐานใหม่ของความยอดเยี่ยมในประเทศไทย” แคโรไลน์กล่าวปิดท้าย
สยามพารากอนกำลังเตรียมทยอยเปิดพื้นที่โซนใหม่ในปีนี้ พร้อมกับเตรียมเผยโฉมใหม่ของการรีโนเวตที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบลักชัวรีแห่งโลกอนาคตในกลางปี 2567
ภาพ: สยามพิวรรธน์