อาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ได้รับอนุมัติจากธนาคารกลางเมียนมา ให้จัดตั้งธุรกิจแบบจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลตามกฎหมายเมียนมา (Subsidiary Bank) ทำให้สามารถประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ได้เต็มรูปแบบเสมือนธนาคารท้องถิ่นในเมียนมา โดยภายใต้ Subsidiary License ทำให้ธนาคารสามารถเปิดสาขาในแหล่งธุรกิจที่สำคัญได้ถึง 10 สาขา โดยก่อนหน้านี้ในปี 2555 ไทยพาณิชย์เริ่มต้นเปิดสำนักงานผู้แทนธนาคารในเมียนมา
ทั้งนี้สามารถเปิดธนาคารในรูปแบบบริษัทลูก โดยไทยพาณิชย์เป็นผู้ถือหุ้น 100% โดยระยะแรกทางธนาคารจะมุ่งเน้นลูกค้าธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนแล้ว และที่มองหาโอกาสเข้าไปขยายธุรกิจทั้งด้านการค้าและการลงทุนในเมียนมา ผ่านโซลูชันทางการเงิน เช่น สินเชื่อ อัตราแลกเปลี่ยน ธุรกรรมการค้า ซัพพลายเชน และบริหารเงินสด เป็นต้น
ขณะเดียวกันในวันที่ 1 มกราคม 2564 ทางธนาคารได้รับอนุญาตให้บริการทางการเงินสำหรับลูกค้ารายย่อยของเมียนมา ซึ่งตลาดลูกค้ารายย่อยของเมียนมามีความน่าสนใจ เพราะมีประชากร 54 ล้านคน ที่ธนาคารวางแผนที่จะการให้บริการลูกค้ารายย่อยชาวเมียนมาด้วยผลิตภัณฑ์ทางด้านเงินฝาก สินเชื่อบุคคล Digital Banking และกลุ่มลูกค้ามั่งคั่งอีกด้วย
ทั้งนี้สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจและธุรกิจอันดับต้นๆ ของภูมิภาคที่นักลงทุนจากทั่วทุกมุมโลกให้ความสนใจ โดยใน 5 ปีที่ผ่านมามีอัตราการขยายตัวของ GDP เฉลี่ยประมาณ 6-7% และมีมูลค่าการลงทุนตรงจากประเทศไทย (FDI) ที่ได้รับการอนุมัติแล้วจนถึงปัจจุบันที่ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีไทยเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่อันดับที่ 3 รองจากสิงคโปร์และจีน ขณะเดียวกันไทยยังเป็นคู่ค้าในลำดับที่ 2 รองจากจีน โดยมีมูลค่าการค้า 7,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2562
“ด้วยแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในทุกภาคอุตสาหกรรม และจุดเด่นที่ทำให้เมียนมาเป็นที่สนใจของนักลงทุนจากต่างชาติอีกประการหนึ่งคือ ค่าแรงที่อยู่ในระดับไม่สูงมากนักของแรงงานเมียนมา จึงเป็นโอกาสของนักลงทุนไทยที่จะเข้ามาใช้เมียนมาเป็นฐานการผลิตและส่งออกไปทั่วภูมิภาคได้ ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีลูกค้านักธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนที่เมียนมาและมีความสนใจใช้บริการกับธนาคารแล้วกว่า 100 ราย จากกลุ่มอุปโภคบริโภค พลังงาน นิคมอุตสาหกรรม ภาคการผลิต และอุตสาหกรรมการเกษตร โดยธนาคารตั้งเป้าประมาณการวงเงินสินเชื่อ 7,000 ล้านบาท ภายในปี 2567” อาทิตย์กล่าว
อย่างไรก็ตาม การได้รับอนุมติในการจัดตั้งธนาคารลูกเพื่อสามารถเข้าทำธุรกิจเมียนมาครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงความพร้อมของธนาคารไทยพาณิชย์ทางด้านเครือข่ายต่างประเทศที่สมบูรณ์ครอบคลุมกลุ่มประเทศ CLMV+2 ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม จีน และสิงคโปร์ และธนาคารไทยพาณิชย์พร้อมเป็นสะพานเชื่อมโยงการลงทุนระหว่างภูมิภาคให้กับนักลงทุนจากทุกชาติที่ต้องการขยายการค้าการลงทุนมายังประเทศไทย เมียนมา ตลอดจนประเทศอื่นในลุ่มแม่น้ำโขง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
