วันนี้ (19 กันยายน) ที่พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมแถลงข่าวการประกาศขึ้นทะเบียน ‘เมืองโบราณศรีเทพ’ เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
พล.ต.อ. พัชรวาท กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวงทรัพยากรฯ ในฐานะหน่วยประสานงานกลางอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ได้ดำเนินการขับเคลื่อนแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติเป็นมรดกโลกมาอย่างต่อเนื่อง และในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 45 ที่ขยายออกมา ณ กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 10-25 กันยายน 2566 เมืองโบราณศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่ 7 ของไทย ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ประเทศไทยมีแหล่งมรดกโลกแห่งใหม่อย่างต่อเนื่องต่อจากพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน
พล.ต.อ. พัชรวาท กล่าวว่า การขับเคลื่อนแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติเป็นแหล่งมรดกโลกจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการหวงแหน และอนุรักษ์ทรัพยากรที่เป็นทุนที่สำคัญซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ และที่สำคัญก่อให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว
ขณะที่เสริมศักดิ์กล่าวว่า ภารกิจของรัฐบาลยังไม่สิ้นสุดเพียงการเฉลิมฉลองการประกาศให้เมืองโบราณศรีเทพเป็นมรดกโลกเท่านั้น แต่กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ได้จัดทำแผนแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ เพื่อรองรับการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองโบราณศรีเทพ
โดยแผนฯ ดังกล่าวได้ผ่านการทำประชาพิจารณ์ การมีส่วนร่วมของชุมชน และประชาชนในพื้นที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะครอบคลุมทั้งเรื่องการอนุรักษ์ การปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม แผนบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยว การจัดทำแผนชุมชนด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม และการจัดทำข้อบัญญัติท้องถิ่นในด้านการอนุรักษ์
ทั้งนี้ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถ้อยแถลงขอบคุณที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ที่ขึ้นทะเบียนเมืองโบราณศรีเทพ เนื่องจากมีความโดดเด่นเข้าเกณฑ์สากล และพร้อมที่จะร่วมกันปกป้องสถานที่อันทรงคุณค่า ซึ่งไม่เป็นเพียงเป็นสมบัติอันทรงคุณค่าของไทย แต่เป็นสมบัติของคนรุ่นต่อไป พร้อมกล่าวเชิญชวนทุกคนมาเที่ยวเมืองโบราณศรีเทพ
‘เมืองโบราณศรีเทพ’ ถือเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งที่ 7 ของไทย ต่อจากพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน และเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมแหล่งที่ 4 ถัดจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี ในรอบ 31 ปี