หุ้น บจ. ที่ประกาศตัวทำธุรกิจขุดเหมือง Bitcoin ต่างปรับตัวขึ้นร้อนแรง จนตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องร่อนจดหมายเตือนให้ระวังการลงทุน กระแสดังกล่าวถูกจุดชนวนโดย JTS ที่ราคาพุ่งทะยานกว่า 20,000% ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนบริษัทที่เข้าสู่ธุรกิจนี้มีเยอะขึ้น เสี่ยงกระทบผลตอบแทนที่ลดลง
ช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างโดดเด่นในตลาดหุ้นไทย นอกจากหุ้น ‘บิ๊กแคป’ หรือบรรดาหุ้นใหญ่ที่มีมูลค่าสูง ในขณะที่หุ้นไซส์เล็กส่วนใหญ่กลับแย่กว่าอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ยังมีหุ้นไซส์เล็กบางกลุ่มที่ราคาวิ่งขึ้นได้อย่างร้อนแรงคือ หุ้นที่ประกาศว่าจะลงทุน ‘เหมืองขุด Bitcoin’
ไม่ว่าธุรกิจเดิมจะทำอะไร เกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน เมื่อประกาศออกมาชัดๆ ว่าจะขุด Bitcoin จะมีเครื่องขุดเท่าไร ใช้เงินลงทุนเท่าไร เพียงเท่านี้ราคาหุ้นก็วิ่งรับข่าวกันอย่างอุตลุด
จากการสำรวจข้อมูลที่เปิดเผยออกมา ทั้งที่ผ่านเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ และจากกระแสข่าวตามหน้าสื่อ พบว่ามีบริษัทจดทะเบียนไทย 8 ราย ที่ประกาศออกมาว่าจะลุยธุรกิจเหมืองขุด Bitcoin
โดยชื่อที่คุ้นเคยกันดีที่สุดและเป็นเหมือนผู้จุดกระแสของธุรกิจนี้คงจะหนีไม่พ้น บมจ.จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (JTS) ด้วยราคาหุ้นที่พุ่งจากระดับที่ต่ำกว่า 1 บาท จนมาถึง 276 บาท ในปัจจุบัน หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นราว 27,500% ทำให้นักลงทุนต่างคาดหวังว่าจะมีโอกาสได้มีส่วนร่วมกับกำไรมหาศาลในระดับ 20,000-30,000% เช่นนี้
หลังจากที่ JTS ประกาศแผนดังกล่าวออกมาเป็นครั้งแรกช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 หลังจากนั้นก็เริ่มมี บจ. อื่นๆ ตามออกมาบ้างในช่วงปลายปี 2564 อย่างกรณีของ บมจ.โคแมนชี่ อินเตอร์เนชั่นแนล (COMAN), บมจ.ซิก้า อินโนเวชั่น (ZIGA) รวมทั้ง บมจ.เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี (AJA)
และในช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทอย่าง บมจ.เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ (NRF), บมจ.โปรเอ็น คอร์ป (PROEN), บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) และบมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) ต่างทยอยประกาศว่าจะเข้าลงทุนเช่นกัน
ความร้อนแรงของบรรดาหุ้นที่ประกาศจะลุยเหมืองขุด Bitcoin ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องร่อนจดหมายเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังกับการเข้าไปเก็งกำไรและศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส มองว่า ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่จะเห็นนักลงทุนแห่เข้าไปเก็งกำไรในเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมาก็มีการเก็งกำไรในลักษณะนี้ เพียงแต่เปลี่ยน ‘Story’ เท่านั้น
“ก่อนหน้านี้ก็มีการเก็งกำไรในหุ้นที่ทำโซลาร์ ถัดมาเป็นกัญชง กัญชา แม้จะยังไม่ได้มีการให้ใบอนุญาต รวมถึงเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้า ก่อนจะมาถึงเรื่องนี้”
สำหรับโอกาสของหุ้นที่ทำเหมือง Bitcoin ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนว่ามองอนาคตของคริปโตอย่างไร โดยเฉพาะ Bitcoin ว่าตอนนี้เราประเมินราคากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง ปัจจุบันจะเห็นว่าราคา Bitcoin ผันผวนค่อนข้างมาก และศัตรูที่สำคัญของคริปโตคือสภาพคล่องในระบบการเงินที่กำลังอยู่ในช่วงรอยต่อของการดูดเงินออกผ่านการลดขนาดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ
“หลังจากนี้ต้องมาดูกันว่าราคาคริปโตจะยืนอยู่ได้ในระดับไหนจากมูลค่าของตัวมันเอง ส่วนนักลงทุนที่จะเข้ามาเก็งกำไรต้องมีวินัยและมีจุดคัตลอสที่ชัดเจน สิ่งที่ต้องติดตามหลังจากนี้คือแต่ละบริษัทจะทำได้จริงมากน้อยแค่ไหน และมูลค่าของ Bitcoin จะยืนอยู่ในระดับใด ซึ่งจะกระทบต่ออัตราผลตอบแทนจากการลงทุน”
ด้าน ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า เรื่องของคริปโตเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนอยากจะมีส่วนร่วม และเป็นสิ่งที่ดูมีศักยภาพที่จะเติบโตได้ ทำให้เราเห็นบริษัทหลายแห่งที่ธุรกิจเดิมอาจจะเริ่มตันจึงเริ่มมองหาลู่ทางใหม่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนของผู้ที่จะประสบความสำเร็จดูจะน้อยลงเทียบกับ 1-2 ปีก่อนหน้านี้ ส่วนหนึ่งสะท้อนจาก Totel Hash Rate ที่เพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่มาอยู่ที่ 201.293 ล้านล้านแฮชต่อวินาที (Terahashes Per Second: TH/s) อิงจากข้อมูลของ blockchain.com ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 สะท้อนว่าในระยะหลังมีผู้ที่เข้ามาร่วมขุดเยอะขึ้นมาก
“เมื่อมีผู้เล่นเยอะขึ้น ขณะที่จำนวนเหรียญเท่าเดิม โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็ย่อมน้อยลง ขณะที่การลงทุนและการแข่งขันก็ย่อมสูงขึ้น ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนก็น่าจะลดลงตามธรรมชาติ”
การจะประเมินโอกาสในความสำเร็จอาจจะทำได้ยากในขณะนี้ รวมถึงการประเมินมูลค่าของธุรกิจก็ทำได้ยากเช่นกัน สำหรับใครที่เข้าเก็งกำไรขณะนี้อาจจะอิงจากสัญญาณทางเทคนิคมากกว่า
“ราคาหุ้นตอนนี้เล่นกันล่วงหน้าไปไกลพอสมควร เพราะหลายบริษัทยังไม่เริ่มดำเนินการ”
ทั้งนี้ ราคาปิดล่าสุดของบริษัทที่ประกาศจะทำเหมือง Bitcoin ส่วนมากปรับตัวขึ้นสวนทางกับภาพรวมตลาดที่ลดลงในวานนี้ (14 กุมภาพันธ์) หุ้นอย่าง ECF, ZIGA และ UPA ต่างพุ่งขึ้นเกือบ 30% ซึ่งเป็นเพดานการซื้อขายสูงสุด (ซิลลิ่ง) ส่วนหุ้น COMAN และ AJA เพิ่มขึ้น 16% ขณะที่ PROEN เพิ่มขึ้น 2% โดยที่ NRF และ JTS ปรับลดลง 3.9% และ 1.1% ตามลำดับ
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP