ราคาหุ้น RAM และ EKH ปรับลดลงทันทีที่ทั้ง 2 บริษัทปฏิเสธดีลการซื้อขายหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเช้าว่า ไม่มีการทำคำเสนอซื้อ (Tender Offer) หุ้น EKH แต่อย่างใด ขณะที่ผลสำรวจราคาย้อนหลัง 1 เดือน พบหุ้นของทั้ง RAM และ EKH ปรับขึ้นมากกว่า 20-30% ชนะดัชนีกลุ่มที่บวก 7.27% ด้านนักวิเคราะห์ประเมินว่าราคาหุ้นปรับขึ้นเพราะแรงเก็งกำไรผลประกอบการกลุ่มการแพทย์ ซึ่งเชื่อว่าจะมีกำไรโดดเด่นทั้งกลุ่ม
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ.โรงพยาบาลรามคำแหง หรือ RAM ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา (21 มีนาคม – 20 เมษายน) ปรับเพิ่มขึ้น 37.77% ขณะที่ราคาหุ้น บมจ.เอกชัยการแพทย์ หรือ EKH ปรับเพิ่มขึ้น 23.18% ซึ่งสูงกว่าดัชนีกลุ่มการแพทย์ (HELTH) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.27% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ขณะที่หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากสุดรอบ1 เดือน 10 อันดับแรก มีดังนี้
- RAM พิ่มขึ้น 37.77%
- WPH เพิ่มขึ้น 28.17%
- THG เพิ่มขึ้น 25.82
- EKH เพิ่มขึ้น 23.18%
- AHC เพิ่มขึ้น 19.39%
- RPH เพิ่มขึ้น 14.84%
- CMR เพิ่มขึ้น 11.97%
- PR9 เพิ่มขึ้น 8.80%
- BCH เพิ่มขึ้น 7.80%
- LPH เพิ่มขึ้น 6.78%
อย่างไรก็ตาม เช้าวันนี้ (21 เมษายน) ราคาหุ้น RAM และ EKH ปรับตัวลดลงทันทีที่มีการแจ้งตลาดหลักทรัพย์ เรื่องปฏิเสธกระแสข่าวการเข้าซื้อหุ้น โดยราคาหุ้น EKH ปิดการซื้อขายช่วงเช้าที่ 8.70 บาท ลดลง 0.60 บาท หรือ 6.45% ส่วนหุ้น RAM ปิดการซื้อขายช่วงเช้าที่ 65.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.77% หลังจากที่ย่อตัวลงแตะระดับ 62.75 บาทในช่วงเปิดตลาด
โดย EKH แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่มีกระแสข่าวลือในสื่อต่างๆ เรื่องการขายหุ้นของบริษัทให้แก่ บมจ.โรงพยาบาลรามคำแหง (RAM) นั้น บริษัทไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องการนำเสนอข่าวดังกล่าว ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาและยังไม่มีความแน่ชัด โดยขอยืนยันว่าไม่มีการทำคำเสนอซื้อ (Tender Offer)
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การเปิดเผยข้อมูลมีความชัดเจนและไม่ก่อให้เกิดความสับสนต่อผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุน รวมถึงเพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนได้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน บริษัทจึงขอให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนติดตามข้อมูลของบริษัทในเรื่องดังกล่าวผ่านช่องทางการเปิดเผยข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ เท่านั้น
ขณะเดียวกัน RAM ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์ว่า บริษัทไม่ได้เป็นผู้ให้ข่าวการเข้าลงทุนใน EKH ตามที่ปรากฏในสื่อข้างต้น และไม่ได้มีแผนจะเข้าลงทุนมากถึง 25% และไม่มีแผนการเข้าทำเทนเดอร์ฯ หุ้นของ EKH และหากบริษัทมีพัฒนาการที่สำคัญอื่นใดซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณและราคาการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท บริษัทจะชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์
นักวิเคราะห์มองเป็นแรงเก็งกำไรงบไตรมาส 1
ถกล บรรจงรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นกลุ่มการแพทย์ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาได้รับความสนใจค่อนข้างมาก โดยนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 1/65 ที่คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นทั้งกลุ่มอุตสาหกรรม เนื่องจากการใช้บริการยังหนาแน่นต่อเนื่องจากไตรมาส 4/64 ประกอบกับสถานการณ์โควิดยังไม่คลี่คลายมากนักในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา
“เชื่อว่ากระแสเก็งกำไรหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลจะคึกคักต่อเนื่องไปจนกว่าบริษัทจะประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ออกมา จึงจะมีแรงขายเพื่อทำกำไร” ถลกกล่าว
เขากล่าวเพิ่มว่า มีความเป็นไปได้ที่ดีลการเข้าซื้อหุ้นของ EKH โดย RAM ครั้งนี้อาจเกิดขึ้นในอนาคต แม้ทั้ง 2 บริษัทจะปฏิเสธกระแสข่าวแล้วก็ตาม เนื่องจากธุรกิจโรงพยาบาลมักจะมีการลงทุนในโรงพยาบาลอื่นๆ อยู่แล้ว เพื่อเป็นพันธมิตรระหว่างกันในเรื่องการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ รวมถึงแบ่งปันความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อลดปัญหาบุคลากรและอุปกรณ์ทางการแพทย์เฉพาะทางไม่เพียงพอ ขณะเดียวกัน ยังเป็นพันธมิตรเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง รับมือการแข่งขันที่สูงขึ้นด้วย
ฝ่ายวิจัย บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า คาดการณ์กำไรไตรมาส 1/65 ของ EKH จะแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะเติบโต 19.7%QoQ, และ 93.2%YoY แม้รายได้จะเติบโตไม่สูงนัก QoQ แต่ได้อานิสงส์จากมาร์จิ้นที่ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยยะจากโครงสร้างรายได้ที่เปลี่ยนไปเป็นกล่มลูกค้าเงินสดมากขึ้น ขณะที่รายได้จากการรักษาโควิดจากภาครัฐลดลง
ฝ่ายวิจัยจึงคงมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี โดยคาดการณ์กำไรปี 2565 ลดลง 45.8%YoY แต่ยังสูงกว่าปี 2562 ซึ่งยังไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด ขณะเดียวกัน มอง EKH เป็นหนึ่งหุ้น Reopening ที่แข็งแรง ได้อานิสงส์จากการเปิดประเทศ รวมถึงการลงทุนต่อยอดธุรกิจโรงพยาบาลเดิม คงราคาเป้าหมาย 9.40 บาท
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP