นอกจากเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามา Disrupt มนุษย์ด้วยการแย่งอาชีพการงานในอนาคต บางทีมันอาจจะคุกคามเราถึงขนาดที่แย่งคนรักของเราไปเลยด้วยซ้ำ!
สำนักข่าว The Independent เผยแพร่บทความเชิงตั้งข้อสังเกตถึงประเด็นดังกล่าวโดยมองว่า ปัจจุบัน ยิ่งเทคโนโลยีวิวัฒนาการเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากเท่าไร มนุษย์ก็จะคุ้นเคยกับมันมากเท่านั้น และนานวันเข้าก็จะไม่รู้สึกถึงความต่างระหว่างหุ่นยนต์กับมนุษย์อีกต่อไป เหมือนอย่างที่ทุกวันนี้เริ่มมีนวัตกรรมตุ๊กตายางล้ำสมัย หรือ ‘Sexbot’ หลายรูปแบบออกมาตอบสนองความต้องการทางเพศของผู้บริโภค
พร้อมกันนี้ The Independent ยังได้อ้างอิงบางส่วนของงานวิจัยเรื่อง ‘การเพิ่มขึ้นของความสัมพันธ์ทางเพศในยุคดิจิทัล (The rise of digisexuality)’ โดยนีล แม็กอาร์เธอร์ (Neil McArthur) นักวิจัยด้านปรัชญาจากมหาวิทยาลัยแมนิโทบา แคนาดา และมาร์กี้ แอล ซี ทวิสต์ (Markie L. C. Twist) รองศาสตราจารย์ภาควิชาพัฒนามนุษย์และครอบครัว มหาวิทยาลัยรัฐในวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา เพื่อเพิ่มน้ำหนักให้กับข้อสังเกตดังกล่าว
ทั้งแม็กอาร์เธอร์และทวิสต์มองว่า ทุกวันนี้ผู้คนเริ่มหันไปพึ่งเทคโนโลยีตอบโจทย์ความต้องการทางเพศมากขึ้น และมีแนวโน้มที่เทรนด์ความนิยมดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เนื่องจากหุ่นยนต์สามารถตอบสนองความต้องการทางเพศของมนุษย์ได้หลากหลายกว่า “ผู้คนจำนวนมากจะค้นพบว่าประสบการณ์ทางเพศกับเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่ออัตลักษณ์ทางเพศของพวกเขา ซึ่งบางคนอาจชื่นชอบพวกมันมากกว่าการมีปฏิสัมพันธ์ทางเพศกับมนุษย์ด้วยซ้ำ
“หุ่นยนต์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความปรารถนาของมนุษย์ มันยินยอมพร้อมใจจะปฏิบัติในสิ่งที่คู่รักของพวกเขาเหล่านั้นไม่สามารถที่จะทำหรือไม่ยินดีที่จะทำ ด้วยเหตุนี้เองผู้คนจำนวนมหาศาลจึงอาจจะใช้หุ่นยนต์เป็นทางเลือกแรกสุดในการสร้างประสบการณ์ทางเพศของพวกเขา”
ความเป็นไปได้ที่ใกล้เคียงที่สุดของข้อสันนิษฐานจากสองนักวิจัยอาจวัดได้จากวิกฤตอัตราการเกิดที่ต่ำลงเรื่อยๆ ในประเทศญี่ปุ่น โดยมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2065 หรืออีก 48 ปีข้างหน้า พลเมืองญี่ปุ่นจะมีจำนวนลดลงกว่า 39 ล้านคน เพราะนอกจากปัญหาความเหนื่อยล้าและความเครียดจากการทำงาน นวัตกรรมและเทคโนโลยีตอบสนองความต้องการทางเพศที่มีอยู่อย่างแพร่หลายก็ส่งผลได้ไม่ต่างกัน
Photo: AFP
อ้างอิง:
