ตลาดหลักทรัพย์ฯ เคาะมาตรการใหม่คุมเข้ม Short Sell และโปรแกรมเทรดดิ้ง เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน เริ่ม 1 กรกฎาคม 2567
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เดินหน้าปรับปรุงมาตรการกำกับดูแลการขายชอร์ต (Short Sell) และโปรแกรมเทรดดิ้งต่อเนื่อง ได้แก่ คุณสมบัติของหุ้นที่ขายชอร์ตได้ ราคาในการขายชอร์ต การขึ้นทะเบียนผู้ลงทุนที่ส่งคำสั่งซื้อขายด้วย HFT และการเปิดเผยข้อมูลผู้ลงทุนที่มีพฤติกรรมการส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสม เพื่อยกระดับการกำกับดูแลการซื้อขาย และเพิ่มความเชื่อมั่นผู้ลงทุน เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป
มาตรการกำกับดูแลการขายชอร์ต
- ปรับปรุงคุณสมบัติของหุ้นในกลุ่ม Non-SET100 ที่สามารถขายชอร์ตได้ ให้เป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูงขึ้น โดยกำหนดให้หุ้นที่ขายชอร์ตได้ต้องมีขนาด Market Capitalization เฉลี่ย 3 เดือน ไม่น้อยกว่า 7,500 ล้านบาท และมีค่าเฉลี่ยของปริมาณการซื้อขายหมุนเวียนต่อเดือน (Monthly Turnover) ในรอบ 12 เดือน ไม่น้อยกว่า 2% รวมทั้งมีการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อย (Free Float) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุนชำระแล้ว ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะประกาศรายชื่อกลุ่มหลักทรัพย์ที่ขายชอร์ตได้ตามเกณฑ์ใหม่ผ่านทางเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
ปรับปรุงเกณฑ์ราคาขายชอร์ต โดยกำหนดให้ราคาเสนอขายชอร์ตต้องเป็นราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Uptick) จากเดิมที่ให้เสนอขายชอร์ตได้ในราคาที่เท่ากับหรือสูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Zero-Plus Tick)
มาตรการกำกับดูแลโปรแกรมเทรดดิ้ง
- กำหนดให้มีการขึ้นทะเบียนผู้ลงทุนที่ส่งคำสั่งซื้อขายด้วยความเร็วสูง (High Frequency Trading: HFT) ก่อนเริ่มใช้งาน เพื่อยกระดับการกำกับดูแลผู้ลงทุนกลุ่มดังกล่าวให้เข้มงวดขึ้น
การเปิดเผยข้อมูลผู้ลงทุนที่มีพฤติกรรมการส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสม
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปิดเผยข้อมูลผู้ลงทุนที่มีพฤติกรรมการส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสมให้แก่บริษัทสมาชิกทุกรายทราบ เพื่อให้บริษัทสมาชิกสามารถกำกับดูแลผู้ลงทุนกลุ่มดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ มาตรการข้างต้นจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป
โดยก่อนหน้านี้ รองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมาย และหัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กรและกำกับองค์กร ในฐานะโฆษกตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมเริ่มใช้มาตรการการเพิ่ม Uptick (รายหลักทรัพย์) ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 โดยให้ขายชอร์ต (ทุกหลักทรัพย์) ได้ที่ราคาสูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Uptick) จากปัจจุบันให้ขายชอร์ตได้ที่ราคาเท่ากับหรือสูงกว่า (Zero-Plus Tick) พร้อมการทบทวนหลักทรัพย์ที่ Short Selling ได้ เริ่มวันที่ 21 มิถุนายนนี้ โดยกรณีหุ้นที่ไม่ได้อยู่ใน SET100 เพิ่มมาร์เก็ตแคปเป็น 7,500 ล้านบาท จากเดิมที่ 5,000 ล้านบาท
ด้านความพร้อมของสมาชิกในการใช้มาตรการ Uptick ขณะนี้โบรกเกอร์รายใหญ่ส่วนใหญ่มีความพร้อม แต่ก็มีบางรายที่ไม่พร้อม ก็ต้องเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการ อย่างไรก็ตาม มองว่ามาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการที่สำคัญและเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สาธารณะกำลังเฝ้ารอ และมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน หากดำเนินการได้ต้องดำเนินการโดยเร็ว
ทั้งนี้ แม้ว่ามาตรการดังกล่าวอาจทำให้ปริมาณการซื้อขายน้อยลงบ้างในระยะสั้น รวมทั้งมีผลให้การ Short Sell ทำได้ยากขึ้นด้วย