ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวันนี้ดิ่งลงอย่างหนัก ดัชนี SET ดิ่งลง 30.48 จุด มาปิดที่ 1,371.22 จุด ต่ำสุดในรอบ 3 ปี และนับแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาดัชนี SET ดิ่งลงมาแล้วถึง 194 จุด
ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ผ่านมา เค้าลางของวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งอาจลามมายังตลาดหุ้นเริ่มชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ Earning Yield Gap หรือส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนของพันธบัตรและผลตอบแทนของตลาดหุ้นอยู่ในช่วงที่ค่อนข้างแคบ
“ก่อนหน้านี้เราเตือนให้นักลงทุนลดพอร์ตมาสักระยะหนึ่งแล้ว ส่วนตัวมองว่าปีหน้าจะเกิดวิกฤตแน่นอน เพียงแต่ว่าจะเป็นวิกฤตแบบไหน”
ภาดลกล่าวต่อว่า ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมา มีทั้งส่วนของวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีนที่ยังไม่คลี่คลาย หรือความเสี่ยงจากหนี้หุ้นกู้ของบริษัทในสหรัฐฯ ที่จะครบกำหนดในปีหน้า หรือความเสี่ยงจากผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงของธนาคารในสหรัฐฯ ซึ่งเคยเกิดปัญหามาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อกลางปีที่ผ่านมา
“ตอนนี้อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ สูงขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้านี้อีก แต่ปัญหาของแบงก์ต่างๆ อาจยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะมีคนมาถอนเงินจำนวนมาก หากดูจากในอดีตจะเห็นว่าวิกฤตมักจะเกิดขึ้นในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยสูงเกือบทั้งนั้น”
สิ่งที่นักลงทุนควรทำในตอนนี้คือ ควรจะขายหุ้นเพื่อลดพอร์ตในจังหวะที่ตลาดฟื้นตัวแรง โดยเฉพาะหากมีจังหวะที่ตลาดฟื้นตัวได้ 30-50 จุด เพราะตอนนี้ยังไม่เห็นสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยจะเริ่มปรับตัวลง ขณะที่ธนาคารกลางสำคัญอย่างสหรัฐฯ ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะกลับมาให้ความสำคัญกับตลาดทุน
“ตอนนี้ความเสี่ยงที่ตลาดจะอ่อนตัวลงไปอีกมีมากกว่า และอีกเรื่องที่ต้องระวังคือการอ่อนค่าของเงินในกลุ่ม Emerging Market เทียบกับค่าเงินดอลลาร์ จะทำให้ประเทศที่มีหนี้สกุลดอลลาร์สูงอาจมีปัญหาได้ แต่ไทยยังไม่น่าจะมีปัญหานี้ เพราะหนี้ของรัฐบาลส่วนมากเป็นสกุลเงินบาท”
หุ้น DELTA กดหุ้นไทยราว 10 จุด
ดัชนี SET ที่ดิ่งลงแรง 30 จุดวันนี้ เป็นเพราะหุ้น DELTA ราว 10 จุดติดลบไป 10.5% มาปิดที่ 72.25 บาท ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ส่วนภาพรวมตลาดยังอ่อนแอเพราะแรงซื้อที่หายไป ประกอบกับแรงกดดันจากการที่หุ้นไทยร่วงทำจุดต่ำสุดใหม่ ทำให้นักลงทุนบางส่วนใช้กลยุทธ์ Short Against Port
ทั้งนี้ หากไม่รวมผลกระทบจาก DELTA วันนี้ดัชนี SET จะติดลบราว 1.4-1.5% จากที่ติดลบทั้งหมด 2.17%
ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชียที่ปรับตัวลงแรงในวันนี้ ได้แก่ ดัชนี KOSPI เกาหลีใต้ -2.71%, ดัชนี Nikkei 225 -2.22%, ดัชนี IDX Composite อินโดนีเซีย -1.75%, ดัชนี Nifty 50 อินเดีย -1.39% ส่วนหุ้นจีนและไต้หวันปรับตัวขึ้นได้ราว 0.5% และ 0.3% ตามลำดับ
ส่วนตลาดหุ้นในฝั่งยุโรปที่เปิดตลาดแล้ว (ณ เวลา 18.10 น.) ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ ราว 0.5-1.5%
ตลท. เผยหุ้นไทยร่วงตามตลาดหุ้นโลก ยันพื้นฐานไทยแกร่ง
ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงแรงค่อนข้างมากในวันนี้ (26 ตุลาคม) สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลดลงแรงเช่นกัน โดยมาจากปัจจัยความกังวลจากสถานการณ์ความขัดแย้งจากภาวะสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส รวมถึงความไม่แน่นอนของทิศทางการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งประเมินว่าประเด็นดังกล่าวจะยังกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกให้มีความผันผวนต่อไปจนจะมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวออกมา
ขณะที่ยอมรับว่า SET Index ปรับตัวลดลงแรงกว่าตลาดหุ้นหลายประเทศ แต่ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยุโรป และตลาดหุ้นในภูมิภาค ขณะที่จากการตรวจสอบข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันนี้ไม่พบความผิดปกติในการซื้อขายวันนี้ ทั้งธุรกรรม Short Sell ที่มีสัดส่วนประมาณ 11.34% กับ Trading Program ที่มีสัดส่วนประมาณ 36% ของการซื้อขายวันนี้ยังเป็นระดับที่ปกติ โดยมองว่าสาเหตุหลักมาจากปัจจัยภายนอกที่กดดันการลงทุน
ดังนั้นหากปัจจัยลบในต่างประเทศคลี่คลาย โดยเฉพาะสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางคลี่คลายลง ก็จะมีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะฟื้นกลับมาได้ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของประเทศและบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทยไม่ได้มีปัญหา จึงต้องการนักลงทุนให้พิจารณาข้อมูลต่างๆ ในการลงทุนให้รอบคอบ
สำหรับกระแสเงินทุนจากต่างประเทศ (Fund Flow) ที่ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยนับตั้งแต่ต้นปี 2566 ถึงเมื่อวานนี้ประมาณ 1.7 แสนล้านบาท มองว่าส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนในระยะสั้น ขณะที่ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมจะเดินทางร่วมกับ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไปยังสิงคโปร์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนจากต่างประเทศ