ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ STARK ชี้แจงความคืบหน้าการจัดทำงบการเงินปี 2565 การจัดทำ Special Audit และการดำเนินการต่างๆ
ตามที่บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) ได้ชี้แจงการดำเนินการของบริษัทผ่านระบบเผยแพร่สารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถนำส่งงบการเงินประจำปี 2565 ที่ผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีได้ภายในวันที่ 16 มิถุนายน 2566 และบริษัทอยู่ระหว่างว่าจ้างผู้สอบบัญชีเพื่อตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) และจะแจ้งความคืบหน้าการดำเนินการได้ภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2566
อีกทั้งที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้หมายเลข STARK239A และ STARK249A ได้มีมติไม่ยกเว้นเหตุผิดนัดและใช้สิทธิเรียกให้บริษัทชำระหนี้เงินต้นพร้อมทั้งดอกเบี้ยภายใต้หุ้นกู้โดยพลัน ส่งผลให้บริษัทเกิดเหตุผิดนัดไขว้ (Cross Default) ภายใต้สัญญาทางการเงินอื่นๆ ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาหาทางออกร่วมกับเจ้าหนี้ดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้สืบสวนและสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีและลงโทษตามกฎหมายจนถึงที่สุดนั้น (รายละเอียดปรากฏตามข่าว STARK วันที่ 31 พฤษภาคม, 1 และ 6 มิถุนายน 2566)
เนื่องจากประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นของบริษัทเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีผลกระทบต่อผู้ลงทุนในวงกว้าง ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอให้บริษัทเร่งชี้แจงความคืบหน้าของการดำเนินการดังต่อไปนี้ภายในวันที่ 13 มิถุนายน 2566
- สถานะการจัดทำและวันที่จะนำส่งงบการเงินประจำปี 2565 พร้อมทั้งขอให้ชี้แจงให้ชัดเจนด้วยว่าจะเป็นงบการเงินฉบับสอบทาน หรือฉบับตรวจสอบ และในกรณีที่ไม่สามารถนำส่งงบการเงินดังกล่าวได้ภายในวันที่ 16 มิถุนายน 2566 ตามที่บริษัทเคยแจ้งไว้ก่อนหน้านี้ ขอให้อธิบายเหตุผลที่ล่าช้าและกรอบเวลาที่จะนำส่งได้ ทั้งนี้ หากงบการเงินที่จะนำส่งดังกล่าวเป็นเพียงฉบับสอบทาน ขอให้แจ้งกรอบเวลาที่บริษัทจะนำส่งงบการเงินประจำปี 2565 ฉบับตรวจสอบ และงบการเงินไตรมาส 1/66
- การแต่งตั้งผู้สอบบัญชีเพื่อตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) ตามคำสั่งของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) รวมทั้งสถานะการจัดทำและกำหนดเวลาที่จะนำส่งรายงานการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษดังกล่าว ซึ่งจะครบกำหนดภายในวันที่ 16 มิถุนายน 2566
- สถานการณ์และผลกระทบต่อบริษัทอันสืบเนื่องจากการถูกเรียกให้ชำระหนี้หุ้นกู้ รวมถึงแนวทางดำเนินการเพื่อชำระหนี้คงค้างต่างๆ ของบริษัท ซึ่งประกอบด้วยหุ้นกู้ 2 ชุด จำนวน 2,241 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ที่ผู้ถือหุ้นกู้ได้ใช้สิทธิเรียกให้ชำระหนี้โดยพลัน และหนี้ต่างๆ ที่เกิดจากเหตุผิดนัดไขว้ ที่ครอบคลุมถึงหนี้หุ้นกู้อีก 3 ชุด จำนวนรวม 6,957.4 ล้านบาท ตลอดจนเจ้าหนี้ภายใต้สัญญาทางการเงินอื่นๆ ที่อาจใช้สิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้ทั้งหมดในลักษณะเดียวกัน
- การดำเนินการของบริษัทในการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายให้เข้ามาเร่งสืบสวนและสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด