นักวิเคราะห์ประเมินหุ้นไทยส่อหลุด 1,200 จุด หลังการเมืองร้อนแรงขึ้นต่อเนื่อง จับตาแนวรับถัดไป 1,150 จุด บล.ไทยพาณิชย์ ประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจยังจำกัด แต่ตลาดการลงทุนยังมีความผันผวนสูง
สถานการณ์การเมืองในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเริ่มร้อนแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2563 นำไปสู่เหตุการณ์สลายการชุมนุมในช่วงหัวค่ำของวันที่ 16 ตุลาคม 2563 โดยเหตุการณ์นี้สร้างความไม่สบายใจให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งกำลังติดตามดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 2 วันที่ผ่านมา (16-17 ตุลาคม) น่าจะส่งผลเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ (19 ตุลาคม)
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเบื้องต้นยังประเมินได้ค่อนข้างยากว่าสถานการณ์จะปรับตัวไปอย่างไร หากมีความรุนแรงเกิดขึ้นอีก ตลาดก็จะยังตอบรับในเชิงลบต่อเนื่อง แต่หากมีทางออกในเชิงประชาธิปไตย เช่น แนวทางการแก้ปัญหาผ่านรัฐสภา ตลาดก็จะกลับมาตอบรับในเชิงบวกได้
“หากดูจากอดีต ตลาดหุ้นมีแนวโน้มจะตอบรับเชิงลบไปจนกว่าจะมีทางออก ซึ่งจุดนั้นจะเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน”
นอกจากนี้ ประเด็นที่ต้องจับตาคือการเลือกตั้งสหรัฐฯ ซึ่งหลังจากที่การเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว ตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะตอบรับเชิงบวก แต่เมืองไทยอาจจะต้องรอต่อไป เพราะแรงกดดันจากการเมือง ทำให้หุ้นที่อิงกับการบริโภคในประเทศน่าจะถูกกดดัน เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โรงไฟฟ้า ขนส่งมวลชน และพาณิชย์
ในมุมกลับกัน หุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจโลกน่าจะปรับตัวได้ดีกว่า อาทิ กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และหุ้นออกส่งอย่างกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนหลายรายอาจจะปรับลดน้ำหนักหุ้นที่อิงกับการบริโภคในประเทศ ไปสู่หุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจโลกมากขึ้น
สำหรับ บล.กสิกรไทย ประเมินแนวรับของดัชนี SET ที่ 1,200 จุด ซึ่งเป็นระดับ Earning Yield Gap ประมาณ 5% ถือเป็นระดับที่ค่อนข้างต่ำพอสมควรหลังจากที่ดัชนีย่อลงมาแล้วกว่า 200 จุด
“สถานการณ์การเมืองในรอบนี้คงต้องติดตามไปทีละขั้น เดิมทีคิดว่าดัชนี SET ไม่น่าจะหลุด 1,200 จุด แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มองว่ามีโอกาสสูงขึ้นที่ดัชนี SET จะหลุด 1,200 จุด ส่วนแนวรับที่ต่ำไปกว่านั้น พิจารณาโดยอิงกับ Earning Yield Gap ที่ 5.5% จะได้แนวรับถัดไปที่บริเวณ 1,150 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างต่ำมาก และน่าสนใจเข้าลงทุนระยะยาว”
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ล่าสุด ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เสนอไปยังรัฐบาลว่า สามารถที่จะขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญได้ เพื่อหารือร่วมกันระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้าน โดยวันที่ 19 ตุลาคมนี้ ได้นัดหารือเป็นการภายในว่าจะมีการเปิดประชุมนัดพิเศษหรือไม่
จากประเด็นดังกล่าว บล.กสิกรไทย มองว่า จะช่วยลดความตึงเครียดของสถานการณ์ลงมาได้บ้าง แต่โดยภาพรวมตลาดจะยังคงอยู่ในแนวโน้มเชิงลบ จนกว่าจะได้ทางออก และแม้ว่าจะมีการหารือแต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ส.ส. แต่ละรายจะคิดเห็นไปในทิศทางใดบ้าง
สำหรับ SET เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ปิดตลาดที่ 1,233.68 จุด ลดลง 9.28 จุด หรือ 0.75% มูลค่าการซื้อขายรวม 44,575 ล้านบาท
บล.ไทยพาณิชย์ เชื่อยังไม่กระทบเศรษฐกิจ
จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส Chief Investment Office บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า สถานการณ์การชุมนุมในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เชื่อว่ายังมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่มากนัก เพราะการชุมนุมที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นลักษณะปักหลักอยู่ยาว จึงไม่กระทบต่อการค้าขายในย่านนั้นๆ อีกทั้งในเวลานี้ก็ไม่ได้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศอยู่แล้ว ผลกระทบโดยรวมจึงไม่ได้มาก
สำหรับผลกระทบต่อตลาดเงิน ในระยะยาวไม่น่าจะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทมากนัก ถ้าไม่มีเหตุการณ์ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงพื้นฐานเศรษฐกิจ
ส่วนเงินทุนเคลื่อนย้าย ถ้าดูตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน นักลงทุนต่างชาติเทขายสุทธิในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร (บอนด์) ไทย รวมแล้วราวๆ 389 ล้านดอลลาร์ และ 1,424 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ ดังนั้นแม้ในช่วงนี้หากจะเทขายมากขึ้น ก็ไม่น่าทำให้ตลาดผันผวน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์