ความคืบหน้าล่าสุดของนโยบายจัดเก็บภาษีขายหุ้น ทางกระทรวงการคลังระบุว่า จะเริ่มจัดเก็บภาษีขายหุ้นในอัตรา 0.1% สำหรับธุรกรรมขายหุ้นเกิน 1 ล้านบาทต่อเดือน เริ่มจัดเก็บในปี 2565 โดยทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้แลกเปลี่ยนข้อมูลแก่กระทรวงการคลังมาอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่านโยบายเรียกเก็บภาษีดังกล่าวจะไม่กระทบนักลงทุนมากนัก
จากกรณีกระแสข่าวเรื่องการจัดเก็บภาษีขายหุ้นที่ได้รับความสนใจมาตลอด 3 วันที่ผ่านมา ล่าสุดมีการยืนยันจากกระทรวงการคลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเว็บไซต์หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจระบุว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการปฏิรูปโครงสร้างภาษี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐให้มีความยั่งยืน โดยหนึ่งในแผนคือ การจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หรือ Financial Transaction Tax ซึ่งจะเริ่มในปี 2565 หลังจากภาษีดังกล่าวที่ถูกยกเว้นมานานกว่า 30 ปี เพื่อส่งเสริมการลงทุนในตลาดหุ้น
ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า กรณีดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์ได้รับทราบและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทางคลัง และสำนักงาน ก.ล.ต. มาตลอด ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้วิเคราะห์ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น และจัดส่งให้ภาครัฐไปแล้ว
ในมุมตลาดหลักทรัพย์ มองว่าการจัดเก็บภาษีจะทำให้ต้นทุนของนักลงทุนสูงขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะมีนักลงทุนที่ได้รับผลกระทบ เช่น กลุ่มนักลงทุนประเภทเทรดดิ้ง ทั้งนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศที่ซื้อขายเร็วด้วยการหวังกำไรระยะสั้น นอกจากนี้ ยังอาจกระทบต่อมูลค่าการซื้อขายของตลาดแน่นอน จากปัจจุบันที่ตลาดมีมูลค่าการซื้อขายที่ราว 9.3 หมื่นล้านบาทต่อวัน ซึ่งยังคงสูงเป็นอับดับ 1 ในภูมิภาคเอเซียน
ทั้งนี้ อยากให้กระทรวงการคลัง และสำนักงาน ก.ล.ต. พิจารณาการจัดเก็บภาษีขายหุ้นอย่างเหมาะสม เพื่อที่จะกระทบกับนักลงทุนอย่างเหมาะสม ซึ่งหากมีการจัดเก็บภาษีตามปริมาณการซื้อขาย หรือหลักเกณฑ์บางอย่าง จะสามารถลดผลกระทบกับนักลงทุนได้
ด้านอัตราการจัดเก็บภาษีที่จะใช้ มองว่าควรมีความเหมาะสมและเป็นอัตราภาษีที่ยังสามารถให้ตลาดทุนไทยแข่งขันกับตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคได้
ขณะเดียวกัน มองว่าควรมีระยะเวลาแจ้งนักลงทุนให้ทราบล่วงหน้าอย่างเหมาะสม เพื่อที่จะให้นักลงทุนปรับตัวได้ทัน รวมไปถึงในอุตสาหกรรมจะต้องมีการวางแผนเรื่องระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บภาษี การเก็บข้อมูล และระบบด้านอื่นๆ ให้ทันเวลา
“ภาครัฐมองว่าปัจจุบันมีความจำเป็นที่จะต้องเก็บภาษีดังกล่าว เนื่องจากได้รับการยกเว้นมาหลายปีแล้ว และปัจจุบันภาครัฐมีความจำเป็นที่จะเก็บภาษีเพื่อมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ได้วิเคราะห์และให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีดังกล่าวให้กับคลังและสำนักงาน ก.ล.ต. ไปแล้ว ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอยากจะให้ภาครัฐพิจารณาอย่างเหมาะสม เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับนักลงทุน และยังช่วยให้เราแข่งขันกับตลาดอื่นๆ ได้ในภูมิภาค” ภากรกล่าว
อ้างอิง:
- https://www.bangkokbiznews.com/news/977766
- https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=Lzc1cUEvK3NQU009
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP