สวัสดีครับท่านนักลงทุน SET ฟื้นตัวกลับมาเคลื่อนไหวแถวเดิมบริเวณใต้ 1,400 จุด หลังก่อนหน้านี้ลงไปทำจุดต่ำไว้ที่บริเวณ 1,330 จุด จากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ขณะที่บริเวณ 1,400 จุด ยังเป็นแนวต้านสำคัญ เนื่องจากที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ดัชนีพยายามฝ่าแนวต้านสำคัญนี้หลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่สามารถขึ้นยืนเหนือได้ เนื่องจากตลาดยังดูขาดปัจจัยหนุน และความไม่แน่นอนด้านแนวโน้มดอกเบี้ยของ Fed
โดยล่าสุดตลาดมีความหวังอีกครั้งว่า Fed จะลดดอกเบี้ย หลังสหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 1.75 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าตลาดคาด ทำให้ตลาดคลายกังวลว่า Fed จะตรึงดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน และเพิ่มการคาดการณ์ว่า Fed จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งแรกในเดือนกันยายน
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- รวมทุกช่องทาง InnovestX official ให้คุณได้ติดตามข้อมูลข่าวสารการลงทุนรอบโลก
- เปิดบัญชีลงทุน InnovestX วันนี้! เปิดครั้งเดียวลงทุนได้ครบทั้งจักรวาลการลงทุน โหลดเลย
- ติดตามบทวิเคราะห์การลงทุนอื่นๆ เพิ่มเติมจาก InnovestX
นอกจากนี้จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ล่าสุดของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสู่ 2.31 แสนราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 8 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 และสูงกว่าตลาดคาด ทำให้ตลาดมีความหวังมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความเห็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Fed หลายราย กลับยังไม่มีความชัดเจนนักเรื่องการลดดอกเบี้ย โดยประธาน Fed สาขาแอตแลนตา ระบุสัญญาณล่าสุดบ่งชี้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่กำหนดเวลาปรับลดดอกเบี้ยยังคงไม่แน่นอน ขณะที่ประธาน Fed สาขาดัลลัส ระบุยังไม่ชัดเจนว่านโยบายการเงินเข้มงวดเพียงพอที่จะลดเงินเฟ้อลงสู่เป้าหมายของ Fed ที่ระดับ 2%
นอกจากนี้ SET ยังขาดจุดดึงดูด จากการเติบโตของเศรษฐกิจในบ้านเราที่ยังเติบโตระดับต่ำกว่าตลาดอื่นในภูมิภาค โดยกระทรวงการคลังระบุ เศรษฐกิจไทยมีปัญหาเพราะ GDP ไทยโตลดลงมาตลอดจากช่วงต้มยำกุ้ง 5% เหลือเพียง 2% สวนทางกับประเทศอื่นในภูมิภาคที่ขยายตัวมากกว่า สาเหตุจากการส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงหดตัว เกษตรได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง และคลังเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ล่าช้า
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผมกำลังเขียนบทความนี้ ต้องยอมรับว่าตลาดบ้านเรายังหาปัจจัยหนุนได้ไม่เพียงพอที่จะฝ่าด่าน 1,400 จุดไปให้ได้ หากดูจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ดังนั้นผมขอวิเคราะห์ SET ในเชิงสัญญาณการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อประเมินถึงจุดเปลี่ยนแนวโน้มของ SET เป็นขาขึ้นอีกครั้งได้เมื่อไร ผมให้ติดตามบริเวณ 1,411 จุด ซึ่งเป็นจุดสูงเดิมที่เคยทำไว้ก่อนปิดสงกรานต์ และใกล้เคียงกับแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ยระยะกลางที่ดัชนีไม่เคยขึ้นไปยืนเหนือได้เลย หากสามารถยืนได้ (อาจพิจารณาการปิดเหนือบริเวณดังกล่าวให้ได้สัก 2-3 วัน) ผมมองว่า SET มีโอกาสเกิดจุดเปลี่ยนทิศทางเป็นขาขึ้นแล้ว มิฉะนั้นการเคลื่อนไหวจะยังคงเป็นแบบ Sideways Down ที่ดำเนินมาตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน
มาถึงส่วนสุดท้ายของบทความ ผมอยากแนะนำหุ้นเด่นน่าสนใจ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับท่านนักลงทุนดังนี้ครับ
- CPALL จากความโดดเด่นด้านผลการดำเนินงาน โดยกำไร 2Q67 คาดเติบโต YoY จากยอดขายสาขาเดิมที่โตดีที่สุดในกลุ่ม และปี 2567 คาดมีกำไรเติบโต 28%YoY ซึ่งยังไม่ได้รวม Upside ของกำไรที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
- AOT คาดปี FY2567 (เดือนตุลาคม 2566 – กันยายน 2567) คาดกำไรจะกลับสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง คาดกำไรปกติจะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดสู่ 2.3 หมื่นล้านบาท อิงกับจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศ 75.6 ล้านคน (90% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19)
- ERW มองผลประกอบการจะได้รับผลบวกจากการท่องเที่ยวไทยที่เติบโตมากขึ้น จากรายได้ค่าห้องเฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPar) ที่แข็งแกร่งขึ้น อีกทั้งราคาหุ้นซื้อขายที่ EV/EBITDA ปี 2567 เพียง 11 เท่า
- OSP คาดกำไรปกติ 1Q67 เติบโตดี YoY และ QoQ จากการเติบโตของรายได้จากส่วนแบ่งการตลาดภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นและยอดขายต่างประเทศที่สูงขึ้น ทั้งนี้ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อกำไรสุทธิปี 2567 ซึ่งคาดเติบโต 9.2% และอัตรากำไรขั้นต้นอาจมี Upside
- PTTEP ซึ่งมองเป็นหุ้นที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากกรณีสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง และราคาน้ำมันที่แข็งแกร่งในระยะสั้นยังเป็นปัจจัยกระตุ้น ขณะที่ผลการดำเนินงานและงบดุลยังแข็งแกร่ง คาดกำไร 2Q67 จะดีขึ้นต่อเนื่องจากราคาน้ำมันและปริมาณการขายที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์