ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า เดือนสิงหาคม 2563 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยค่อนข้างทรงตัว โดยดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ 1,310.66 จุด ปรับลดลง 1.3% จากเดือนก่อนหน้า ขณะเดียวกันถือว่าปรับลดลง 17.0% จากสิ้นปี 2562
ทั้งนี้ เดือนสิงหาคม 2563 มีมูลค่าการซื้อ-ขายเฉลี่ยต่อวันรวมใน SET และ mai อยู่ที่ 56,512 ล้านบาท โดยในช่วง 8 เดือนแรก (มกราคมถึงสิงหาคม) ของปี 2563 มูลค่าซื้อ-ขายเฉลี่ยต่อวันรวมอยู่ที่ 66,566 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผู้ลงทุนบุคคลในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยอยู่ที่ 44.09% ของมูลค่าการซื้อ-ขายรวม
ขณะที่ Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2563 อยู่ที่ระดับ 22.2 เท่า และ 21.8 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชีย ซึ่งอยู่ที่ระดับ 17.2 เท่า และ 18.6 เท่า ตามลำดับ โดยอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2563 อยู่ที่ระดับ 3.64% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชีย ซึ่งอยู่ที่ 2.89%
“เดือนสิงหาคมมีสัญญาณการฟื้นตัวของบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ ได้แก่ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และในบางกลุ่มธุรกิจในภาคบริการที่ได้อานิสงส์จากการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ที่อาจจะนำไปสู่การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เร็วขึ้น”
ขณะที่การ IPO ในเดือนสิงหาคม 2563 มีหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนซื้อ-ขายใหม่ใน SET 2 หลักทรัพย์ ได้แก่ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า กลุ่มน้ำตาลครบุรี, ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล, และใน mai 2 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ และ บมจ. ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป มีมูลค่าระดมทุน (IPO) รวม 6,975 ล้านบาท
ภาวะตลาดสัญญาซื้อ-ขายล่วงหน้าเดือนสิงหาคม 2563 มีปริมาณการซื้อ-ขายเฉลี่ยต่อวัน 369,938 สัญญา ลดลง 6.9% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจาก Single Stock Futures และ USD Futures และในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2563 ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 470,241 สัญญา เพิ่มขึ้น 14.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล