ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวันนี้ (4 กันยายน) ดัชนี SET ปิดที่ 1,548.68 จุด ลดลง 12.83 จุด จากวันก่อนหน้า ถือเป็นการปรับตัวลดลง 3 วันทำการติดต่อกัน หลังจากที่ดัชนีพุ่งขึ้นไปแตะ 1,579.43 จุด เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
แรงกดดันต่อหุ้นไทยวันนี้มาจากหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งกดดันดัชนีราว 4.2 จุด โดยหุ้นในกลุ่มอย่าง บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ลดลง 3.14% บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ลดลง 2.26% ขณะที่ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ลดลง 5.34% จากประเด็นเฉพาะตัวในเรื่องของน้ำมันดิบรั่วลงทะเล
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า นับแต่มีประเด็นว่ารัฐบาลใหม่มีนโยบายที่จะลดค่าไฟฟ้าและลดราคาพลังงาน ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าและโรงกลั่นถูกกดดันอย่างต่อเนื่อง
“เรามองว่าประเด็นนี้จะส่งผลต่อตลาดแน่นอน แตกต่างไปจากสถานการณ์ช่วงพรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง ซึ่งก้าวไกลได้ชูประเด็นเหล่านี้มาตั้งแต่เริ่มหาเสียง แต่เมื่อประเด็นนี้ถูกหยิบยกมาพูดอีกครั้ง ทำให้ราคาโรงไฟฟ้าและโรงกลั่นมีโอกาสจะถูกดันไปจนกว่าจะมีความชัดเจนออกมา”
แม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกช่วงนี้จะปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง แต่หากค่าการกลั่นถูกปรับลดลงจริงจะเป็นความเสี่ยงต่อผลประกอบการ เช่นเดียวกับผู้ค้าปลีกน้ำมันที่อาจได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุว่า ดัชนี SET มีแนวโน้มแกว่งชะลอตัว ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นปิดทำจุดสูงสุดใหม่ของปีนี้ แม้ดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่เพิ่มความกังวลด้านเงินเฟ้ออาจลงช้า ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดเป็นสิ่งจำเป็น ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเริ่มดีดกลับ
ขณะที่การแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาลใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายและยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ทำให้หุ้นกลุ่มค้าปลีกเริ่มมีแรงขายทำกำไรระยะสั้น ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปิดทำการในวันนี้ อาจทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนด้วย