หากใครได้เคยผ่านไปที่หน้าสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด คงจะได้เห็นรูปปั้นของ 3 นักเตะผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์ของสโมสร
1 ใน 3 คนนั้นคือเดนิส ลอว์ ตำนานกองหน้าผู้ยิ่งใหญ่เจ้าของสมญาที่ได้รับการตั้งโดยครูบาอาจารย์แห่งวงการข่าวฟุตบอลไทยในอดีตไว้อย่างสง่างามว่า ‘ราชาสตั๊ดเหินหาว’
สมญานี้มันผุดขึ้นมาหลังจากที่ได้เห็นภาพลีลาการเกี่ยวบอลกลางอากาศและลูกทะยานขึ้นนภาเพื่อขึ้นโขกบอลของเบนจามิน เซสโก ว่าที่ศูนย์หน้าคนใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทีมงานสโมสรปฏิบัติการสายฟ้าแลบปิดดีลได้อย่างรวดเร็ว
กองหน้าคนนี้ดีพอจะเป็นราชาสตั๊ดเหินหาวที่จะสร้างสีสันความสนุกสนานให้กลับคืนสู่โรงละครแห่งความฝันได้หรือยังนะ?
ดีลใหญ่หัวใจเต้น
ข่าวปฏิบัติการปาดหน้านิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เพื่อคว้าตัวเซสโก มาร่วมทีมถือว่าเป็นข่าวที่สร้างความตื่นเต้นให้แก่บรรดาสาวกอสูรแดงทั่วโลกได้ไม่น้อยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะชื่อชั้นของนักเตะเองถือว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าอนาคตไกลที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งของยุโรปที่ทีมในระดับ ‘บิ๊ก’ หลายทีมสนใจอยากได้ตัวมาร่วมทีม ซึ่งรวมถึงอาร์เซนอล ที่พยายามเทียวไล้เทียวขื่ออยู่นานแต่ไม่ประสบความสำเร็จจนต้องเปลี่ยนเป้าหมายไปหาวิคเตอร์ ยอเคอเรสแทน
อีกส่วนคือความเซอร์ไพรส์ในการที่แมนฯ ยูไนเต็ด ที่สร้างภาพมาก่อนหน้านี้ว่าสโมสรกำลังประสบปัญหาภาวะทางการเงิน จู่ๆกลับสามารถยื่นข้อเสนอ 73.7 ล้านปอนด์ให้แก่แอร์เบ ไลป์ซิก เพื่อคว้าตัวมาร่วมทีมได้เฉยเลย
เรื่องนี้ในทางการเงินแล้วต้องอธิบายกันยืดยาวเพราะมีรายละเอียดที่ซับซ้อน เพียงแต่อธิบายกันคร่าวๆง่ายๆคือเรื่องของการควบคุมปรับลดค่าใช้จ่ายที่ทำมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นส่วนของทีม (โละนักเตะค่าเหนื่อยสูงที่ไม่จำเป็นต่อทีมออก) และส่วนของทีมงานหลังบ้าน (ลดจำนวนพนักงาน กระชับองค์กรใหม่) กับเรื่องการลงทุนเป็นคนละเรื่องกัน
และแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับกฎการเงิน Profit and sustainability rules (PSR) แต่อย่างใดในเวลานี้ด้วย ‘ทริก’ ทางการเงินบางอย่าง
ถ้าเขาจะรัก (ยืนเฉยๆ เขาก็รัก)
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างในดีลครั้งนี้คือการเดินหมากของแมนฯ ยูไนเต็ดที่ถือว่ายอดเยี่ยม
เพราะทีมแรกที่เคลื่อนไหวอย่างจริงจังคือนิวคาสเซิล ซึ่งตกอยู่ในภาวะฉุกเฉินจากการตัดสินใจแตกหักกับสโมสรของอเล็กซานเดอร์ อิซัค ศูนย์หน้าหมายเลขหนึ่งของทีมที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการจะย้ายไปอยู่กับแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างลิเวอร์พูล
ความอึดอัดในเรื่องของอิซัคบีบให้นิวคาสเซิลจำเป็นจะต้องเร่งหากองหน้าคนใหม่มาแทนที่เป็นการเร่งด่วน ซึ่งในตลาดเวลานี้ก็เหลือกองหน้าของดีอีกไม่มากนักที่พร้อมจะย้ายทีม ซึ่งเซสโกเป็นหนึ่งในแคนดิเดตลำดับต้นๆของทุกสโมสรอยู่แล้ว
นิวคาสเซิล จึงพยายามเปิดฉากการเจรจาอย่างเร่งร้อนโดยพยายามยื่นข้อเสนอในเวลาไล่เลี่ยกันถึง 2 ครั้ง โดยมองว่าเป็นแท็กติกในการบีบให้ไลป์ซิกรีบตัดสินใจ ควบคู่ไปกับการพยายามกล่อมผู้เล่นอย่างเซสโกให้เลือกย้ายมาเล่นในเซนต์ เจมส์ ปาร์คแทน
ความหวังของทีมแม็กพายส์คือหากเซสโกตอบตกลง จะได้รีบปิดดีลก่อนคู่แข่งทีมอื่น
ขณะที่ไลป์ซิกยิ้มรับเพราะอาการรีบร้อนของนิวคาสเซิลคือตัวเร่งให้เกิดการแข่งขัน มีการประมูลราคา (Bidding war) ในแบบที่สโมสรต้องการ และจบที่ตัวเลขที่สโมสรพอใจที่ 73.7 ล้านปอนด์ (การันตีขั้นต่ำ 66.3 ล้านปอนด์)
อีกทีมที่ยิ้มด้วยคือแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ความเร่งรีบของนิวคาสเซิลในการยื่นข้อเสนอทำให้ได้รู้ตัวเลขสุดท้ายที่ไลป์ซิกต้องการ และเป็นตัวเลขที่พวกเขายังพอรับไหว ที่เหลือคือการพยายามกล่อมนักเตะไปด้วยถึงโอกาสในการย้ายมาอยู่กับหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
สำหรับเซสโก ตัวเลือกแรกของเขาคือแมนฯ ยูไนเต็ดเสมอ (แต่ถ้าปีศาจแดงไม่ไหว ก็พร้อมไปนิวคาสเซิล) ซึ่งสุดท้ายดีลจบลงด้วยชัยชนะของทีมปีศาจแดง
เรื่องนี้ทำให้สาวก Red Army ทั่วโลกตื่นเต้นดีใจกันอย่างมาก เพราะได้นักเตะที่แววดีสุดๆ มาร่วมทีม และยังได้ประกาศศักดาด้วยว่าต่อให้ทีมจะตกต่ำอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา จบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 15 ในลีก และไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรปสักรายการ
โรงละครแห่งความฝันก็ยังคงเป็นความฝันของนักฟุตบอลที่อยากจะมาเล่นบนเวทีที่นี่สักครั้งเสมอ
Trinity ยุคใหม่ 200 ล้านปอนด์
รูปปั้นหน้าโอลด์ แทรฟฟอร์ด มีชื่อว่า ‘Trinity’ ซึ่งประกอบไปด้วย 3 สุดยอดตำนานตลอดกาลที่มีส่วนในการพาทีมคว้าแชมป์ยูโรเปียน คัพ (ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปัจจุบัน) เป็นสโมสรแรกของอังกฤษในปี 1968
จอร์จ เบสต์, บ็อบบี ชาร์ลตัน และเดนิส ลอว์
การมาของเซสโกในเวลานี้ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด มีแนวรุกชุดใหม่ครบเซต 3 คนพอดี หลังจากที่พวกเขาได้ มาเตอุส คุนญา และไบรอัน เอ็มโบโม มาจากวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส และเบรนต์ฟอร์ด ก่อนหน้านี้ โดยค่าตัวรวมกันของ 3 คนนี้สูงถึง 200 ล้านปอนด์
โดยที่แต่ละคนมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป
คุนญา ในวัย 27 ปี เป็นกองหน้ากึ่งตัวทำเกมที่มีชั้นเชิงการเล่นสูง มีประสิทธิภาพการจบสกอร์ที่เฉียบคม และสามารถร้อยรัดการเล่นกับเพื่อนร่วมทีมได้เป็นอย่างดี
เอ็มโบโม ในวัย 25 ปี เป็นกองหน้ากึ่งปีกที่มีความเร็วสูง มีทักษะการเลี้ยงบอลที่ยอดเยี่ยม ขยันทุ่มเทเกินร้อย และมีเซนส์ในการทำประตูที่ดีซึ่งพิสูจน์ให้เห็นในพรีเมียร์ลีกที่ผลงานดีขึ้นทุกปี
ขณะที่เซสโกนั้นเป็นศูนย์หน้าที่ครบเครื่องในระดับฟ้าประทาน
ที่บอกเช่นนี้ในความหมายคือเป็นกองหน้าที่มีรูปร่างสูงใหญ่ กระโดดสูงเหมือนทะยานขึ้นฟ้า มีความเร็วสูง ทักษะการครองบอลที่ยอดเยี่ยม และเป็นนักฟุตบอลที่มีความพิเศษในตัวพอสมควร เรียกว่าฟ้าให้พรมาเยอะพอตัว
เพียงแต่สิ่งที่ยังเป็นเครื่องหมายคำถามคือหากเปรียบเป็นอัญมณีมีค่าแล้ว กองหน้าทีมชาติสโลวีเนียคนนี้ยังเป็นเพชรนิลจินดาที่ยังเจียระไนไม่เสร็จเรียบร้อยดีนัก อาจจะมองเห็นประกายวิบวับบ้างเมื่อสะท้อนกับแสงในบางช่วงเวลา แต่บ่อยครั้งก็มองไม่เห็นอะไร
ราชาสตั๊ดเหินหาวคนใหม่?
โดยสไตล์แล้วเซสโก เคยถูกมองว่าเป็นศูนย์หน้าในลักษณะใกล้เคียงกับเอร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ สุดยอดดาวยิงของแมนฯ ซิตี ที่ไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่าการพยายามโฉบเฉี่ยวเข้าไปหาโอกาสทำประตูในกรอบเขตโทษ
ในช่วงแรกที่เล่นให้กับไลป์ซิก (หลังย้ายมาจากเรดบูล ซาลซ์บวร์ก สโมสรน้องในเครือเดียวกัน) เซสโกเล่นในลักษณะแบบนี้เลย
แต่ในปีที่ผ่านมาเซสโก ถูกปรับเปลี่ยนเกมการเล่นมากพอสมควรโดยกลายเป็นกองหน้าที่มีส่วนเชื่อมโยงการเล่นกับเพื่อนมากขึ้น แต่ก็แลกมาด้วยจำนวนประตูที่ลดลงพอสมควร
ตรงนี้น่าจับตามองว่าภายใต้การชี้นำของรูเบน อโมริม เขาจะก้าวไปในทิศทางไหน? และไปได้ไกลแค่ไหน
โดยที่อย่าลืมว่าอโมริม เคยปั้นยอเคอเรสให้กลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในยุโรปมาแล้วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
อย่าเพิ่งลุกรอ End Credit ก่อน
หากเป็นยามปกติ การเสริมทัพด้วยผู้เล่นกองหน้าของดีถึง 3 ตัวด้วยงบ 200 ล้านปอนด์น่าจะถือว่าจบได้แล้วสำหรับฤดูร้อนนี้ของแมนฯ ยูไนเต็ด
แต่เพราะนี่เป็นฤดูกาลสำคัญต่อการกอบกู้สโมสรที่ตกต่ำระส่ำระสายอย่างหนัก การได้เบนจามิน เซสโกมาเป็นข่าวดีก็จริง แต่ยังไม่ใช่ตอนจบสำหรับพวกเขาแน่นอน โดยที่ตอนนี้สามารถคาดหวังว่าอาจจะได้ดูฉาก End credit ด้วย
โดยในระหว่างนี้เชื่อว่าแมนฯ ยูไนเต็ด จะพยายามผ่องถ่าย (พูดง่ายๆ ‘โละ’) นักเตะที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีมออกไปให้ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม โดยเฉพาะ 3 รายที่มีโอกาสทำเงินกลับมาได้อย่าง อเลฮานโดร การ์นาโช, ราสมุส ฮอยลุนด์ และแอนโทนี
สังเกตได้จากหลังปิดดีลเซสโกได้ ก็มีข่าวการพร้อมขายการ์นาโช ให้กับเชลซี ในราคา 50 ล้านปอนด์ออกมาทันที ขณะที่ฮอยลุนด์แม้ว่านักเตะจะอยากพิสูจน์ตัวเองต่อไปแต่การได้เซสโกมา และการมีโจชัว เซิร์กเซที่รอหายเจ็บอีกคน (โดยที่คุนญาและเอ็มโบโมพร้อมลงแทนในยามจำเป็น ซึ่งปีนี้ทีมก็โปรแกรมเตะน้อยด้วย) ทำให้อนาคตของเขาแทบไม่มองไม่เห็น
ไม่ว่าจะปล่อยตัวนักเตะออกไปได้ค่าตัวเท่าไรก็ตาม มันจะกลายเป็นต้นทุนสำหรับการนำไปเสริมทัพชุดส่งท้ายที่น่าสนใจอย่างมาก เพราะตอนนี้ชื่อที่ออกมาคือ คาร์ลอส บาเลบา กองกลางดาวรุ่งจากไบรท์ตันที่เป็นหนึ่งในกองกลางที่โดดเด่นที่สุดของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่แล้ว
และอีกคนคือจานลุยจิ ดอนนารุมมา ประตูมือหนึ่งทีมชาติอิตาลีที่ต้องการย้ายออกจากปารีส แซงต์-แชร์แมง
ถ้าหากได้มาครบจริง จะถือเป็นฤดูร้อนที่ดีที่สุดของแมนฯ ยูไนเต็ดในรอบสิบปีเลยทีเดียว
แต่ตอนนี้อยากเห็นฟอร์มของเซสโกก่อนเลย
จะเหินหาวในพรีเมียร์ลีกออกไหมนะพ่อคุณ
อ้างอิง: