×

“ผมแพ้เลือกตั้งผมก็ไม่เอาเผด็จการ” คุยกับ เสรีพิศุทธ์ การเมืองไทยใต้เงาทหาร

30.03.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

8 Mins. Read
  • ปี่กลองการเมืองไทยยามนี้กำลังดังขึ้นเรื่อยๆ พรรคเก่า พรรคใหม่ ต่างแย่งชิงพื้นที่เสนอตัวเข้ามาอาสาทำงานการเมือง ชื่อของ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ก็ดังขึ้นเรื่อยๆ หลังใช้โซเชียลมีเดียเสนอความคิดเห็นหลายเรื่องอย่างตรงไปตรงมา
  • พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ตอบคำถาม THE STANDARD อย่างชัดเจนว่า หากได้รับเลือกตั้งเข้ามา แล้ว พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ จะไม่ร่วมรัฐบาลเด็ดขาด
  • นโยบายปฏิรูปที่เขาเสนอคือ ให้ย้ายกรมกองทหารออกจากกรุงเทพมหานคร และขอให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ดูจะได้รับการตอบรับจากคนรุ่นใหม่ค่อนข้างมาก เพราะเป็นข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมมากที่สุด

จากสำนึกของผู้เสียสละที่ไม่อยากเห็นคนมีภาระ มีครอบครัว ต้องไปตายในสงครามรบกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ที่เป็นแรงขับดันให้นายตำรวจที่ชื่อ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีต ผบ.ตร. ได้ร้องขอไปในพื้นที่สีแดง เมื่อครั้งยังติดยศร้อยตำรวจเอก และเมื่อครั้งหนึ่งมีการเปิดรับตำแหน่งสารวัตรใหญ่ในพื้นที่นาแก ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่อันตรายในยุคนั้น จึงได้สมัครใจไปลุยอีกหน ในขณะที่นายตำรวจคนอื่นๆ ต่างเลี่ยงที่จะไป จนเป็นที่มาของฉายา ‘วีรบุรุษนาแก’ ที่ทุกคนรู้จักในปัจจุบัน

 

การสมัครใจไปทำงานในพื้นที่เสี่ยงอันตรายในครั้งนั้น พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ได้ประกาศหานายตำรวจชั้นผู้น้อยที่จะติดตามสมัครใจไปด้วย และหนึ่งในนั้นก็คือ พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีต ผบ.ตร. และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบัน

 

จากการผ่านความเป็นความตายจนได้รับเหรียญกล้าหาญสูงสุดคือ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี เหรียญรามมาลาเข็มกล้ากลางสมร (ร.ม.ก.)

 

เพราะการรับหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยง ทำให้ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ มีพื้นฐานการใช้ชีวิตที่ไม่เกรงกลัวต่อความไม่ถูกต้อง ทำให้ตำรวจนายนี้ประกาศที่จะก้าวเข้ามาต่อกรเป็นปากเสียงแทนผู้คนมากมายที่กลัวต่อบรรยากาศการเมืองภายใต้รัฐบาลเผด็จการยามนี้

 

 

อยากให้เล่าว่าทำไมถึงอยากกระโดดเข้ามาทำงานการเมือง

ถ้าเป็นคนอื่นที่เกษียณไปแล้วก็คงไปใช้ชีวิตทั่วๆ ไปตามทางของเขา ถามว่าที่ผ่านมา มีอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนอื่นๆ ออกมาพูดอะไรให้กับบ้านเมืองบ้างไหม ตอบเลย มันไม่มีหรอก

 

แต่เมื่อบ้านเมืองมีปัญหา ถามว่าแค่แสดงความคิดเห็นคุณกล้าแสดงไหม ไม่ต้องในระบอบเผด็จการหรอก แม้กระทั่งในระบอบประชาธิปไตยที่ผู้บริหารมาจากการเลือกตั้งถ้าทำไม่ดีจะกล้าติติงเขาไหม

 

ส่วนใหญ่คนก็วางเฉย ไม่อยากเอาตัวเข้าไปเสี่ยง ที่จริงก็ข้าราชการทุกกระทรวง ทุกคนเฉย ทั้งๆ ที่มันไม่ถึงตาย แล้วถ้าเราไม่ชี้ไม่พูดมันก็ยิ่งเข้ารกเข้าพง โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบอบเผด็จการ ใครพูดก็โดนเรียกไปปรับทัศนคติ

 

ถ้าเรากลัวทุกอย่างก็จบ ผมไม่กลัว อย่างทุกวันนี้มีการโกงเป็นข่าวชัดเจนต้องหาคนรับผิดชอบ การตรวจสอบผู้มีอำนาจก็ต้องไม่เลือกปฏิบัติ แต่วันนี้อย่างเรื่องนาฬิกา ทำไมยังไม่ทำอะไรสักที มันชัดยิ่งกว่าชัด

 

 

กรณีนาฬิกาหรูสะท้อนมุมการตรวจสอบอย่างไร

คุณประวิตรเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อปี 2552 ต้องรายงานทรัพย์สิน พอพ้นตำแหน่งเมื่อปี 2554 ต้องรายงานทรัพย์สิน พ้น 1 ปี ต้องรายงานทรัพย์สิน พอมาเป็นรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตำแหน่งปัจจุบันเมื่อปี 2557 ต้องรายงานทรัพย์สิน 4 ครั้งด้วยกัน

 

นาฬิกาเรือนนี้ใส่ไปออกงานใด เวลาใด มันก็ต้องปรากฏอยู่ ก็ดูการรายงานทรัพย์สินแต่ละช่วง แต่คุณยังไม่ทำอะไร เทียบตอนคุณยึดอำนาจใหม่ๆ มีข้าราชการโดนย้ายเพื่อตรวจสอบก่อน บางรายโดนย้ายจนตอนนี้ยังไม่ถูกสอบแต่ก็ไม่ได้กลับไปดำรงตำแหน่ง กลายเป็นว่าเอาพรรคเอาพวกมารับตำแหน่งแทน

 

ถามว่าถ้าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย ถูกฟ้องดำเนินคดีไปแล้วนะนายกฯ อย่างนี้ แต่รัฐบาลนี้ฟ้องไม่ได้ เพราะใช้อำนาจ ม.44 กลายเป็นว่าพยายามย้ำว่านักการเมืองเลว ทีนี้ก็จะกลายเป็นว่าเลือกตั้งครั้งหน้าอย่าไปเลือกนักการเมือง อย่างตอนนี้มีแต่งตั้งพรรคขึ้นมาสนับสนุนตัวเอง คุณไพบูลย์ นิติตะวัน ตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป ผมก็รู้เอาคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ ตอนนี้มีโครงการประชารัฐ ตั้งพรรคเลยประชาชนจะได้จำได้ง่าย

 

 

คำว่าคนดีในประเทศนี้มันมีปัญหาในทางการเมืองไหม ที่ยกคำว่าคนดีมาใช้

ถ้าถามผม จะบอกว่ารัฐบาลนี้เป็นคนดีได้ไหม ดูขนาดการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่ฉาวโฉ่ ทำดีไม่ได้ดี ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งอย่าง พ.ต.อ.ดร. กันตพงษ์ นิลขำ ผู้กำกับการสถานีตำรวจบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ได้รับรางวัลจากส่วนราชการต่างๆ แต่ถึงเวลาถูกย้ายเข้ากรุอย่างไม่เป็นธรรม ส่วนคนที่ได้ก็เพราะวิ่งเต้น และเข้ามาก็ต้องมาหาผลประโยชน์

 

ดังนั้น แค่การส่งเสริมคนดี ไม่สนับสนุนคนไม่ดีให้มีอำนาจ ตามพระบรมราโชวาทในหลวงรัชกาลที่ 9 แค่นี้คุณยังทำไม่ได้เลย

 

 

10 ปี รัฐประหาร 2 ครั้ง แก้ปัญหาประเทศได้จริงไหม จะออกจากความขัดแย้งตรงนี้อย่างไร

ต้องมองว่าเมื่อก่อนมีพรรคประชาธิปัตย์อยู่ แล้วต่อมามีพรรคไทยรักไทย มีพลังประชาชน ตั้งแต่มีไทยรักไทย พรรคประชาธิปัตย์ก็แพ้ ต้องไปตั้งรัฐบาลที่มีคนกล่าวหาว่าตั้งในค่ายทหาร เราจะเห็นว่ารัฐบาลนั้นต้องยอมยกกระทรวงสำคัญๆ ให้พรรคอื่น เหลือแค่ตัวเองเป็นนายกฯ พอมาเจอเพื่อไทยก็แพ้อีก ต่อมาการเมืองก็มีบางกลุ่มไปสุมหัวกันกับบรรดาทหารที่เกษียณแต่ไม่ยอมออกจากบ้านพักในกองทัพที่อยู่ในกรุงเทพฯ ก็มานั่งคิดแต่จะปฏิวัติอย่างไร สร้างสถานการณ์ให้ประชาชนเดือดร้อน แล้วก็มีการฉวยโอกาสออกมาทำ

 

ถ้าทหารออกมาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ มีแค่เหลืองกับแดงตีกันอย่างเดียวนะ พฤติการณ์มันจะออกมาว่าเป็นกลาง มาหยุด มาสร้างความสงบ ออกกติกาให้ทุกฝ่ายเลือกตั้งกันมาได้คนดีเข้าสภา ควบคุมการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมโดยตนเองไม่หลง เขียนกติกาแล้วไม่หลง ได้คนดีมาแล้วตนเองก็ถอย บ้านเมืองก็เป็นประชาธิปไตย แต่นี่มันไม่ใช่ เขียนกติกาให้ตัวเองจะได้มาเป็นต่อ มันบิดเบี้ยวเป็นกติโกง

 

รัฐธรรมนูญก็โกง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญก็โกง คำสั่ง คสช. ต่างๆ ก็โกงตอนนี้ก็ไม่ยอมปลดล็อกพรรคเก่าทั้งๆ ที่เหตุการณ์ตอนนี้มันสงบแล้ว

 

 

แสดงว่าถ้าท่านได้รับเลือกเข้ามา รัฐธรรมนูญต้องแก้

ใช่ ตอนนี้กลายเป็นว่าไม่ใช่เหลืองกับแดงแล้ว มันกลายเป็นเขียวเข้ามาผสมโรงทะเลาะกับเขาแล้ว เราถึงเข้ามา ‘จะรวมไทยให้ได้’ ดังนั้นถ้าได้เข้ามา กฎหมายต่างๆที่เป็นปัญหาก็ต้องแก้ กฎหมายที่ออกโดย สนช. คำสั่ง คสช. ที่มีปัญหาก็ต้องแก้ ไม่แก้ก็จะวนติดกับไปเรื่อยๆ

 

 

ตอนนี้คนรู้สึกว่าสิ่งที่เสรีพิศุทธ์พูดเป็นรูปธรรมที่สุด เพื่อให้ทหารไม่กลับเข้ามา ก็คือย้ายกรมกองทหารออกไปนอกเมือง ฐานคิดหรือวิธีการจะเป็นอย่างไร

อันนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปทหาร จริงๆ เข้ามาต้องปฏิรูปหมด ระบบศาล ระบบข้าราชการก็ต้องปฏิรูปทั้งหมด อย่างที่ผ่านมามีปฏิรูปตำรวจแม้มีเรื่องดีๆ แต่ว่าเรื่องการยุบคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติกลับไม่มี ถามว่ามีไว้ทำไม สมัยผมเป็น ผบ.ตร. ไม่เห็นต้องมี ส่วนคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ จำเป็นไหม จำเป็น แต่ที่มาของคณะกรรมการต้องเปลี่ยนใหม่ ประธานต้องไม่ใช่นายกรัฐมนตรีมาแทรกแซงได้ แต่ก็ยังไม่มีเปลี่ยนแปลง กลายเป็นมีการเพิ่มเงินประจำตำแหน่ง พอแต่งตั้งไปก็ไปทุจริตกันเพราะการเมืองคุมอยู่ แล้วมันจะไปแก้ปัญหาอะไร ด้านการปฏิรูปกองทัพ ต้องปฏิรูปตั้งแต่เข้ารับราชการไปจนถึงเกษียณอายุ

 

 

การเกณฑ์ทหารต้องเลิก แต่ให้ประชาชนสมัครเข้ามา เราจะได้ทหารที่เขาสมัครใจ เพราะทหารเกณฑ์เหล่านี้ก็จะมีการจัดงบ เครื่องแต่งกาย เบี้ยเลี้ยง งบการฝึก ทหารเขาเก่งตั้งงบเยอะแต่บางทีตัวไม่มา แล้วงบไปไหนล่ะ บางทีไปเป็นทหารรับใช้ บางคนเกษียณมา 10 ปี 15 ปี ยังมีทหารรับใช้ แล้วใช้เงินหลวงทั้งนั้น

 

การทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง ตำแหน่งหลักๆ ที่โกงกันก็ผู้บังคับหมู่ ผู้บังคับกองพัน ตั้งงบก่อสร้าง ไม่มีใครเข้าไปตรวจ พอถึงระดับกองทัพมันก็อย่างนี้กันหมด ซื้อรถถัง ซื้ออาวุธ คุณคิดว่ามีไหมล่ะเงินทอนไปไหน

 

ต่อมาเวลาการบริหารงานเหล่าทัพก็มีการวางทายาทกัน ก็จะย้ายคนที่เป็นทายาทไปวางตำแหน่งกัน ก็ย้ายคนนั้นคนนี้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ เป็นผู้เชี่ยวชาญ พวกนี้เป็นตำแหน่งไม่มีที่ทำงาน แต่ก็กินเงินเดือน อยู่บ้าน เดือนหนึ่งก็มารับเงินทีหนึ่ง อยู่ว่างๆ ดังนั้นใครใฝ่ดีก็ไปทำธุรกิจอะไรของเขา ใครไม่ดีก็ไปคุมบ่อน ไปรับทวงหนี้ พอใกล้ๆ เกษียณก็ขออายุราชการทวีคูณ เพื่อหวังตอนขอบำนาญ ก็ให้กันง่ายๆ ดังนั้นบำนาญทหารรับเต็มหมด ขณะที่กระทรวงอื่นๆ รับบำนาญน้อยกว่าเงินเดือน อันนี้ภาษีประชาชนทั้งนั้น

 

 

การแต่งตั้ง ผบ. เหล่าทัพของทหารก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 ที่มีคณะกรรมการเป็นฝ่ายข้าราชการประจำไป 5 คน จาก 7 คน ถ้านายกฯ จะสั่งทหารไปรบแล้ว ผบ. ไม่ยอมจะปลดตั้งใหม่ก็ไม่ได้ ดังนั้นก็ต้องแก้ หรือเรื่องศาล ข้าราชการอื่นมีคดีต้องขึ้นศาลยุติธรรม แล้วศาลทหารทั้งๆ ที่ไม่ใช่ยามศึกสงครามมีทำไม ยามปกติก็เหมือนประชาชน การขึ้นศาลทหารเป็นเหมือนแดนสนธยามีช่วยกัน ถ้าไม่อย่างนั้นผมขอมีศาลตำรวจได้ไหม มีศาลของกระทรวงต่างๆ ขึ้นกันเอง มันก็ไม่ควรเอาเปรียบ

 

ส่วนเรื่องย้ายกองทัพ ถามว่าวันๆ มีใครติดต่อกับคุณ ไม่มีใครไปติดต่อด้วยเลย กองทัพนี่ไม่ใช่ศูนย์ราชการนะ คุณอยู่ทำไม อย่างกระทรวง ทบวง กรม ศาล มีคนไปติดต่อ อันนี้เป็นเรื่องย้ายศูนย์ราชการ มีคนมาติดต่อ ต้องคิด แต่อย่างกองทัพคุณอยู่ทำไม กองทัพเป็นเป้าหมายตำบลกระสุนตกเวลามีการรบการสงคราม กองทัพบกก็ไปอยู่ลพบุรีสิ เงินจะได้สะพัดจังหวัดลพบุรี กองทัพเรือไปสัตหีบ กองทัพอากาศไปนครสวรรค์ ออกไปกรุงเทพฯ โล่งเลย มีพื้นที่เหลือ 2-3 หมื่นไร่เลย เอามาทำประโยชน์

 

ตอนนี้นักเรียนพ่อแม่ต้องตื่นแต่เช้าพาลูกไปส่งโรงเรียน เอามาสร้างโรงเรียน เด็กจะได้ไปใกล้ๆ อีกส่วนก็โรงพยาบาล ทุกโรงพยาบาลเป็นอย่างนี้ ลุงป้ามารอตี 3 ตี 4 มารอคิว ต้องมาสร้างโรงพยาบาล สร้างสวนสาธารณะให้กรุงเทพฯ มันเขียว รื่นรมย์ การจราจรไม่ติดขัด ทำอุโมงค์ระบายน้ำ ถ้ามีพื้นที่ก็ทำทางระบายน้ำสาขาของแม่น้ำเจ้าพระยาออกไปได้อีก ที่น้ำลงจากทางเหนือมาแม่น้ำเจ้าพระยา มันจะได้ลงทะเลเร็วขึ้น

 

 

เข้าเรื่องพรรคบ้าง มีการเตรียมตัว หลังจากปลดล็อกอย่างไร

คือตอนนี้ผมยังเป็นคนนอกพรรค ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าให้คนไปก่อตั้ง จะเห็นได้ว่าชื่อก็บ่งบอกเสรีรวมไทย แต่เรายังไม่ได้สังกัดไปควบคุมดูแล แต่ถามเขา เขาก็บอกพร้อม

 

ยังไม่ได้เป็นสมาชิก แต่ยืนยันว่าอยู่พรรคนี้แน่นอน

แน่นอน เพราะบอกตรงๆ ผมเป็นคนให้ไปจด

 

มีกระแสว่าคุณทักษิณมาคุย มาทาบทาม ชวนไปอยู่เพื่อไทย เป็นหัวหน้าพรรคไหม

ไม่มี มีแต่ข่าว ผมเป็นคนตรงไปตรงมา ชอบก็ชอบ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ เผด็จการถามว่าชอบไหม ชอบไปได้ไงล่ะ เป็นตัวปัญหาของการปกครองประเทศ จริงๆ แล้วการปฏิรูปอะไรมันมี 2 อย่างคือคนกับระบบ

 

อย่างปฏิรูปตำรวจ จริงๆ แล้วต้องปฏิรูปคนกับปฏิรูประบบ ไม่ใช่ไปเพิ่มเงินเดือน ค่าตอบแทน อันนั้นเป็นส่วนล่างเล็กๆ น้อยๆ คุณจะพัฒนาคนอย่างไรให้มีความรู้ความสามารถมีคุณธรรม พัฒนาระบบ ส่วนประเทศชาติก็เหมือนกัน จะเปลี่ยนอย่างไร คนไทยแต่ก่อนเรามี 18 ล้าน เราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็เลือก ส.ส. ได้อย่างนี้ ได้นายกฯ ได้รัฐมนตรี แล้วคนก็เพิ่มมาเป็น 70 ล้าน ก็ยังยอมรับว่าปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อยอมรับอยู่ก็อย่าไปล้มมัน ก็พัฒนาคนไทยให้มีความรู้ ความเข้าใจ ความซื่อสัตย์ พัฒนาคนเรื่อยๆ เอาระบบไว้ จิตสำนึกความรับผิดชอบดีขึ้น ก็เลือกคนได้ดีขึ้น เลือก ส.ส. ได้รัฐมนตรี นายกฯ มันจะไปตามระบบ แต่ถ้าคุณมาล้มแล้วคนก็ไม่ได้พัฒนา คุณก็ไปทุจริตให้เขามาเลือกคุณ มันก็ไม่ไปไหน

 

 

สมมติว่าเลือกตั้งไปแล้วได้คุณประยุทธ์มาเป็นนายก คุณจะร่วมรัฐบาลกับคุณประยุทธ์ได้ไหม

ไม่ร่วม ผมพูดตรงๆ การเลือกตั้งครั้งนี้เอาให้ชัดเจนไปเลยว่าตกลงบ้านเราจะเอาประชาธิปไตยหรือเผด็จการ ถ้าเอาประชาธิปไตยก็ต้องเลือกพรรคที่มีจุดยืนไม่เอาเผด็จการ อย่างของผมประกาศชัด เพื่อไทยจะเอาไหม ประกาศอย่างผมหรือเปล่า ประชาธิปัตย์ล่ะ เป็นพรรคการเมืองมา 60 กว่าปีตกลงจะเอาประชาธิปไตยหรือเผด็จการตอบมาให้ชัดเจน ภูมิใจไทยของคุณอนุทินก็ต้องชัดเจน พรรคน้องใหม่หรืออะไรต่างๆ ก็พูดมาให้ชัดเจน ว่าเลือกตั้งมาเสร็จแล้วจะไม่ร่วมกับเผด็จการ ถามว่าเผด็จการจะอยู่ได้อย่างไร

 

คุณมาลงให้ประชาชนเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยแต่คุณจะไปเข้ากับเผด็จการ มันคนหรือเปล่า มันไม่ใช่คน ถ้าอย่างนั้นคุณอย่าลงเลือกตั้งดีกว่า ถ้าลงเลือกตั้งคุณต้องเป็นประชาธิปไตยอย่างเดียว ผมแพ้เลือกตั้งผมก็ไม่เอาเผด็จการ แล้วคุณประยุทธ์มา ผมจะอัดในสภาให้ดู

 

 

แสดงความเห็นตรงไปตรงมาแบบนี้ เคยมีใครโทรหาบ้างไหม มีทหารมาคุยไหม

ไม่มีครับ ใครจะกล้าคุยกับผม รัฐบาลเผด็จการมีคุณประวิตรคนเดียว ที่รุ่นแก่กว่าผม ผมรุ่น 8 ประยุทธ์รุ่น 12 ใครมาคุยกับผม สมัยผมอยู่เมืองชล คุณประวิตร คุณประยุทธ์ อยู่เมืองชลใช่ไหม ผมก็จับกำนันเป๊าะ คุณประวิตร คุณประยุทธ์ คุณทำอะไร  ไม่มี แต่เวลาเลือกตั้งทีไรคะแนนกำนันเป๊าะในค่ายทหารมาทุกทีหมายความว่าผมเป็นอย่างไร คุณประวิตร คุณประยุทธ์เป็นอย่างไร

 

ปี 2550 มีม็อบหน้าบ้านป๋า ฝ่ายตำรวจก็ พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ไปดูแล ฝ่ายทหารก็คุณประยุทธ์ แม่ทัพภาค 1 ไปดูแล ผมก็รอฟังเหตุการณ์อยู่ เพราะเราเป็น ผบ. ไม่ต้องแสดงเองหรอก ผมอยู่บ้านหลังนี้ 4 ทุ่มแล้วก็ยังแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ผมก็เอารถออกไป 2 คน ไปกับคนขับรถ ไปถึงก็ดูที่สโมสร ประยุทธ์เดินแกว่งไปแกว่งมาบนสโมสรไม่เห็นทำอะไร ม็อบเข้ามาตำรวจกระจายหนีหมด ผมก็เรียก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ตอนนั้นเป็น รอง ผบ.พล.1 รอ. บอกเดี๋ยวพี่ไปจัดการเอง เคลื่อนทัพจับกุม ณัฐวุฒิ จตุพร หมอเหวง ใครต่อใครดำเนินคดีตามกฎหมายหมด แล้วถามคุณประยุทธ์ทำอะไร

 

แล้วถามว่าใครจะเรียกผมคุยได้ ถ้าเรียกผมคุยผมจะสอนให้อีกผมจะสอนให้รู้จักตัวเองซะบ้าง ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ไม่รู้จักตัวเองแล้วนะ สมัยก่อนนุ่งกางเกงขาสั้น โตมาหน่อยรู้สึกไม่เห็นหัวประชาชนแล้วนะ กดขี่กันอย่างนี้ เด็กมาเรียกร้องประชาธิปไตยจะไปจับเขามันถูกไหม

 

 

 

ผบ.ตร. คนต่อไปจะเป็นใคร มองอย่างไรบ้าง

ตอนนี้ตำรวจมีความพยายามจะสืบทอดอำนาจ คือทหารเขาสืบทอดอำนาจกัน แล้วพอทหารมาปกครองตำรวจเขาก็จะวางตัว อย่างคุณศรีวราห์เขาก็วางตัวไว้ ถ้าปล่อยให้เดินไปตามกระบวนการปกติ คุณศรีวราห์ก็จะไม่มีโอกาสเป็น ผบ.ตร. หรือรอง ผบ.ตร. ก็ไม่มีโอกาส

 

แต่ความจริงคุณศรีวราห์มีข่าวว่าจะเป็นตั้งแต่การโยกย้ายครั้งตุลาคมปีที่แล้ว แต่คนก็สงสัยกันว่าทำไมไม่ได้เป็น เราต้องยอมรับว่าการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ช่วงก่อนๆ เป็นตามอาวุโสอันดับหนึ่ง อาวุโสอย่างเดียวไม่มีแซง แต่พอมาหลังๆ เริ่มแซงกันแล้ว ยุค คสช. นะ พล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ อันดับหนึ่ง พล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ อันดับสองแล้วก็มี พล.ต.อ. สมยศ ปรากฏว่า พล.ต.อ. สมยศ ได้เป็น ยุคต่อมา พล.ต.อ. พงศพัศ เกษียณ ก็มี พล.ต.อ. จักรทิพย์ แทนที่ พล.ต.อ. เอก จะได้เป็นก็ไม่ได้เป็นอีก พล.ต.อ. จักรทิพย์ ข้ามไม่รู้ตั้งกี่คนได้เป็น อย่าง พล.ต.อ. สมยศก็เป็น ผบ.ตร. ที่มีเงิน ที่บอกงานตำรวจเป็นงานไซด์ไลน์

 

ปัญหาการแต่งตั้งมันถึงเกิดเยอะแยะไปหมด ปัญหาก็คือว่าเดือนกันยายนที่จะถึงนี้จักรทิพย์จะสู้ต่อไหม ถ้าสู้ ศรีวราห์ก็ไม่ได้เป็น แบบนี้มันวิปริต ดังนั้นอย่าไปว่าเรื่อง หวย 30 ล้าน ว่าผู้การฯ เปลี่ยนสำนวนมันอะไร เพราะมันเป็นที่ต้นเหตุ

FYI
  • เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ชั้นที่ 5 มีชื่อว่า เหรียญรามมาลาเข็มกล้ากลางสมร และมีอักษรย่อว่า ร.ม.ก. เป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์ที่มีลำดับเกียรติอยู่ในลำดับสูงสุดในหมู่เหรียญบำเหน็จกล้าหาญ บุคคลที่ได้รับเหรียญนี้ เช่น จ่าเพียร พล.ต.อ. สมเพียร เอกสมญา วีรบุรุษเขาบูโด พ.ท.​ ณรงค์เดช นันทโพธิ์เดช พล.อ.​ ประยุทธ์ จันทร์โอชา
  • ปี 2529 ที่ย้ายมารับตำแหน่งผู้กำกับการจังหวัดชลบุรี พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ได้สร้างวีรกรรมท้าชนกำนันเป๊าะ หรือ สมชาย คุณปลื้ม เจ้าพ่อภาคตะวันออก จนนำมาสู่การจับกุมเจ้าพ่อคนนี้ได้ในเวลาต่อมาจากคดีทุจริตที่ดินเขาไม้แก้ว หลังปี 2537 ได้เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ ทำหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้าตำรวจภาค 2
  • พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ เตรียมทหาร รุ่นที่ 6
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising