วันนี้ (13 กันยายน) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พร้อมด้วย สมชัย ศรีสุทธิยากร เดินทางเข้าให้การต่อคณะกรรมการ กกต. กรณีเข้ายื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ดำเนินการตรวจสอบกรณีที่มีพรรคการเมืองขนาดเล็กถูกพรรคการเมืองใหญ่แทรกแซง เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า เนื่องจากคำร้องยังเขียนไม่เสร็จ แต่สรุปใจความว่า พรรคการเมืองขนาดเล็กจำนวน 6 พรรค ยินยอมให้พรรคพลังประชารัฐเข้ามาครอบงำ ซึ่งมีความผิดทั้งสองฝ่าย พรรคเล็กผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 28 ส่วนพรรคใหญ่ผิดตามมาตรา 29
ส่วนทาง กกต. จะสรุปคำร้อง และยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้เมื่อไรนั้น พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่สอบสวนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเก่า มีความรู้ความสามารถ คือเป็นตำรวจเก่าโอนมาดูแลเรื่องนี้ ซึ่งจะทำให้การสอบสวนมีความเรียบร้อย รวดเร็ว และเป็นธรรม
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ยังกล่าวถึงการครอบงำพรรคเล็กว่า เป็นลักษณะของการเข้าหาพรรคเพื่อใหญ่เพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน คืออยู่ที่ไหนได้เงินก็จะแห่กันไปอยู่ที่นั่น โดยเฉพาะพรรคใหญ่ฝั่งรัฐบาลอย่างพรรคพลังประชารัฐ ที่ดึงพรรคเล็กเข้าร่วม และจ่ายค่าตอบแทนเป็นเงินรายเดือนให้ รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลเองก็จ่ายให้ด้วย ซึ่งตนก็ไม่ทราบเหมือนกันว่านำเงินจากไหนมาจ่าย ถ้าไม่ทุจริตกันคงไม่มีเงินมาจ่ายขนาดนี้ได้ เพราะมันมากมายมหาศาล
ส่วนหลักฐานคือเลขบัญชีที่ใช้ในการโอนเงิน และการเซ็นรับเงินซึ่งชัดเจน และ ส.ส. ทุกคนที่มีชื่ออยู่ก็ยอมรับ กลุ่มนี้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีหน้าที่นำเสนอกฎหมาย แต่กลับไม่รู้กฎหมาย เพราะฉะนั้น 6-7 คนที่มีรายชื่อเห็นมีคนเดียวที่ทำงานคือ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ แต่ถึงจะจบแพทย์มาก็ไปรับเงินเขามาเหมือนกัน
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า มีความมั่นใจในหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวน เพราะเป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ และมีความเป็นธรรม และทาง กกต. มีความเข้าใจในเรื่องของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง และ พ.ร.บ.การเลือกตั้งมากที่สุด และได้กำชับว่าให้ดูกรณีนี้อย่างเร็วที่สุด ท้ายที่สุดแล้วไม่น่ารอด เพราะสุดท้ายก็ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ทั้ง 6-7 พรรคเล็กไม่มีรายชื่อหัวหน้าพรรค และรวมถึงพรรคใหญ่คือพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคด้วยอย่างแน่นอน
ขณะที่สมชัยกล่าวว่า วันนี้เป็นการเรียกผู้ร้องมาให้การ ซึ่งมี 2 คนคือ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส และ ศรีสุวรรณ จรรยา โดยเท่าที่ดูบรรยากาศจากการพูดคุยแล้ว ทางพนักงานสอบสวนค่อนข้างมีรายละเอียดพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นสำนวนคำร้อง และหลักฐานต่างๆ ถือว่ามีข้อมูลเพียงพอที่จะดำเนินการต่อ และคงมีการเรียกผู้ถูกร้องมาให้ปากคำด้วย
ส่วนการตรวจสอบหมายเลขบัญชีของธนาคาร ทาง กกต. ได้ดำเนินการส่งจดหมายไปยังทุกธนาคารที่เกี่ยวข้องแล้ว ว่าหมายเลขบัญชีดังกล่าวที่มีเงินเข้ามามีจำนวนเงินเท่าไร โดยเหตุผลที่ล่าช้าคือเรื่องไปอยู่ที่นายทะเบียนของพรรคการเมืองต่างๆ คือเลขาธิการ กกต. อยู่ประมาณเกือบเดือน จึงจะส่งมายังฝ่ายสืบสวนสอบสวน
ทั้งนี้ อยากฝากถึงคณะกรรมการ กกต. ว่า ควรเร่งสรุปเรื่องดังกล่าว แล้วถ้าผิดก็ควรส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อนการเลือกตั้ง อย่าปล่อยให้การเลือกตั้งแล้วเสร็จก่อนจึงจะส่งให้ศาล เพราะท่านอาจจะมีข้อครหาได้ว่าท่านช่วยพรรคบางพรรคให้สามารถลงรับสมัครเลือกตั้งได้ ซึ่งเป็นบทเรียนในอดีตที่ กกต. เคยมีปัญหามาแล้ว และเป็นคดีความทางอาญา จนทำให้คณะกรรมการ กกต. นั้นทำผิดกฎหมายและโดนลงโทษ จึงเป็นเรื่องที่ควรเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด
