วันนี้ (8 มีนาคม) พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พร้อมด้วย วิรัตน์ วรศสิริน เลขาธิการพรรค สมชัย ศรีสุทธิยากร และ บุญส่ง ชเลธร ลงพื้นที่หาเสียงในเขตบางรัก พร้อมแนะนำว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) และนโยบายพรรคให้ประชาชน
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า พื้นที่ กทม. นั้นพรรคลงพื้นที่หาเสียงมานาน และยืนยันส่งผู้สมัคร ส.ส. 400 เขตทั่วประเทศ ทั้งนี้บางเขตใน กทม. นั้นพบว่าอดีตว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคตนคะแนนเสียงดี พรรคก็ดูแลและสนับสนุน แต่ตอนนี้โดนบางพรรคซื้อตัวไปแล้ว
ส่วนกระแสข่าวการจับขั้วหลังเลือกตั้งว่าจะเลือกจับมือกับขั้วใด ตนยืนฝ่ายประชาธิปไตย เพราะตนไม่ใช่เผด็จการ โดยเฉพาะไม่จับมือกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วนกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยอาจจับมือกับพรรคพลังประชารัฐหลังการเลือกตั้งนั้นก็เป็นสิทธิของพรรคนั้นๆ หากพรรคเพื่อไทยจะจับมือกับพรรคใด เช่น จับมือพรรคพลังประชารัฐ หากตนไม่ต้องการ ตนก็ต้องมาอยู่กับพรรคของ พล.อ. ประยุทธ์ ทุกอย่างควรเข้าใจข้อเท็จจริงด้วย และพรรคของตนเป็นพรรคเล็ก จะให้ตนทำเช่นใด
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าวต่อไปว่า ส่วนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ล่าสุดที่อนุมัติงบประมาณหลายวาระและบางพรรคใช้หาเสียงว่าเป็นผลงานของพรรคนั้นๆ ถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่ควรทำ เพราะทำเพื่อประโยชน์ในการหาเสียง ทำแบบนี้คือซื้อเสียงล่วงหน้า โดยใช้ภาษีของประชาชน ทำไมไม่ใช้เงินตัวเอง รัฐบาลไม่เข้าใจการบริหารงบประมาณ ตอนนี้เงินกู้ของรัฐบาลเกินเพดานแล้วและต้องกู้เงิน งบประมาณไม่ควรจ่ายดันไปจ่าย เช่น การซื้ออาวุธ
“วันนี้เงินกู้ที่รัฐบาลนี้กู้มานั้นประเทศต้องเสียดอกเบี้ยนาทีละ 26 ล้านบาท พล.อ. ประยุทธ์กู้มาไม่ต้องใช้หนี้และคนอื่นต้องมาใช้หนี้แทน รัฐบาลนี้ทำแบบนี้ถือว่าไม่ดี เพราะไม่เหมือนประชาชนที่กู้เงินมาแล้วหากไม่มีเงินใช้หนี้ต้องโดนยึดบ้าน ขอแนะนำประชาชนตอนนี้ควรประหยัด หากผมได้เป็นรัฐบาลจะตรวจสอบเรื่องนี้แน่นอน” พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าวในที่สุด
